สิวเห่อ คืออะไร? รู้สาเหตุและวิธีรักษาป้องกันไม่ให้สิวขึ้นเต็มหน้า

สิวเห่อ คืออะไร หามาหาคำตอบกับแพทย์ผิวหนัง

สิวเห่อ

สิวเห่อเป็นปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญ โดยเฉพาะในช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงหรือเมื่อเผชิญกับความเครียด การรู้สาเหตุที่แท้จริงของสิวเห่อจะช่วยให้เราสามารถป้องกันและรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ในบทความนี้เราจะพาคุณไปสำรวจว่าสิวเห่อคืออะไร มีสาเหตุจากอะไรบ้าง และวิธีการรักษาและป้องกันสิวเห่อไม่ให้ลุกลามทั่วใบหน้า มาร่วมค้นหาวิธีที่จะทำให้ผิวหน้าของคุณกลับมาเรียบเนียนและสุขภาพดีอีกครั้งกัน

สิวเห่อ คืออะไร ?

สิวเห่อ คือ การเกิดสิวบนใบหน้าในลักษณะที่กระจายตัวเป็นบริเวณกว้าง โดยเฉพาะหน้าผาก แก้ม คาง และกรอบหน้า มักเกิดขึ้นพร้อมกันหลาย ๆ จุดบนใบหน้าและอยู่ใกล้เคียงกัน ทำให้ผิวหน้าดูมีสิวขึ้นอย่างหนาแน่น และมักมีลักษณะเป็นตุ่มแดงหรือสิวอักเสบที่มีหนอง อาจมีอาการเจ็บหรือคันร่วมด้วยได้ 

สิวเห่อส่วนใหญ่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเกิดจากเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ไขมันส่วนเกิน และแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังถูกกระตุ้นโดยปัจจัยต่าง ๆ เช่น  การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือสภาพแวดล้อม ทำให้สิวแพร่กระจายเป็นวงกว้างและอาจลุกลามไปทั่วใบหน้าได้

สิวเห่อ ลักษณะเป็นอย่างไร ?

สิวเห่อมีลักษณะเป็นอย่างไร

สิวเห่อ มีลักษณะที่แตกต่างจากสิวทั่วไป เนื่องจากมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกระจายตัวเป็นบริเวณกว้าง ปรากฏเป็นกลุ่มใหญ่ มีจำนวนมาก และเกิดขึ้นในบริเวณใกล้เคียงกัน สิวเห่อสามารถมีลักษณะได้หลายรูปแบบ ทั้งสิวหัวหนอง, สิวไม่มีหัว, สิวแดง, สิวอักเสบ, สิวอุดตัน หรือเม็ดเล็ก ๆ ที่คล้ายสิวผด (Acne Aestivalis) โดยมักเกิดขึ้นเต็มใบหน้าในช่วงอากาศร้อน

สิวเห่อ สามารถเกิดขึ้นในส่วนไหนของใบหน้าได้บ้าง ?

สิวเห่อขึ้นตำแหน่งไหนบ้าง

สิวเห่อเป็นปัญหาผิวที่สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายบริเวณของใบหน้า โดยมักจะเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก ซึ่งทำให้ผิวหน้าเกิดการอุดตันและการอักเสบได้ง่าย โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณดังนี้

  1. สิวเห่อบริเวณแก้ม

สิวเห่อที่แก้มเป็นปัญหาผิวที่พบบ่อย เนื่องจากแก้มเป็นบริเวณที่ต่อมไขมันทำงานมาก ทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดการอุดตันของรูขุมขน และเกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบได้ง่าย ซึ่งบริเวณนี้มักจะเป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบที่มีลักษณะเป็นปื้นแดงจำนวนมากและอยู่ติดกัน มองเห็นได้ชัดเจน สิวเห่อที่แก้มมักเกิดจากหลายปัจจัย เช่น 

  • การสัมผัสหน้าบ่อย ๆ
  • การใช้โทรศัพท์มือถือ 
  • การนอนทับกับปลอกหมอนที่ไม่สะอาด 
  • การแพ้เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารอันตราย เช่น สเตียรอยด์หรือสารปรอท ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวเห่อขึ้นได้ 
  1. สิวเห่อบริเวณหน้าผาก

หน้าผากเป็นบริเวณที่มีการผลิตน้ำมันมาก อีกทั้งยังมีการสะสมของเหงื่อและน้ำมันมาก ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและสิวเห่อได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อน สิวเห่อที่หน้าผากมีลักษณะคล้ายผดผื่น เป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่อุดตันอยู่ใต้ผิวหนัง สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและจะรู้สึกถึงความไม่เรียบเนียนเมื่อลูบสัมผัส สิวเห่อที่หน้าผากมักเกิดจากหลายปัจจัย เช่น 

  • การสัมผัสกับสภาพอากาศที่ร้อนชื้น
  • การสะสมของเหงื่อและน้ำมันบนผิวหนัง 
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ไม่เหมาะสม เช่น แชมพู ครีมนวด หรือเจลแต่งผมที่มีสารเคมีรุนแรง สามารถทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวได้
  1. สิวเห่อบริเวณคาง

สิวเห่อที่คางมักมีลักษณะเป็นตุ่มแดงจำนวนมาก พร้อมกับสิวอักเสบที่มีหัวหนองอยู่ใต้ชั้นผิว ทำให้สามารถเห็นหัวสิวเป็นสีขาวได้ สาเหตุมักเกิดจากการ

  • เปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือน
  • ภาวะเครียด
  • การสัมผัสคางบ่อย ๆ 
  • การใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาด เช่น การใส่หน้ากากอนามัยตลอดวัน ทำให้เกิดการสะสมของเหงื่อและน้ำมัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวระคายเคืองและกระตุ้นให้เกิดสิวเห่อได้
  1. สิวเห่อบริเวณจมูก

จมูกเป็นอีกบริเวณหนึ่งที่มีการผลิตน้ำมันมาก ทำให้เกิดการอุดตันและการอักเสบได้ง่าย สิวเห่อที่จมูกมักเป็นสิวหัวดำหรือสิวอักเสบที่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขน

  1. สิวเห่อบริเวณรอบปาก

สิวเห่อบริเวณรอบปากมักเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับริมฝีปากที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน เช่น ลิปสติก หรือลิปบาล์มที่มีส่วนผสมของน้ำมัน

  1. สิวเห่อทั่วหน้า

สิวเห่อทั่วหน้าเกิดขึ้นเมื่อสิวแพร่กระจายไปทั่วทุกบริเวณของใบหน้า ทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนและมีการอักเสบอย่างรุนแรง สาเหตุของสิวเห่อทั่วหน้าอาจเกิดจากการตอบสนองของร่างกายต่อปัจจัยต่าง ๆ เช่น 

  • ฮอร์โมนที่ไม่สมดุล
  • ความเครียด
  • สภาพอากาศที่ร้อนชื้น 
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม ทำให้แพ้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า

สาเหตุอาการสิวเห่อ เกิดจากอะไร ?

สาเหตุการเกิดสิวเห่อ
  1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น, ช่วงมีประจำเดือน, ช่วงตั้งครรภ์ หรือมีภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ (Polycystic ovarian syndrome; PCOS) ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น น้ำมันส่วนเกินนี้สามารถอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวเห่อได้

  1. ความเครียดในทุกๆวัน

ความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ส่งผลให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวเห่อ ความเครียดที่สะสมยังส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้การฟื้นฟูผิวช้าลง

  1. จากการนอนไม่ตรงเวลา

การนอนไม่ตรงเวลาหรือการนอนหลับไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนและสารเคมีที่ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น การพักผ่อนไม่เพียงพอยังส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ทำให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้ไม่ดี

  1. การรับประทานอาหาร ที่มีน้ำตาลสูง

การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูงสามารถกระตุ้นการผลิตอินซูลิน ซึ่งมีผลทำให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น ทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิวเห่อ

  • ขนมหวาน เช่น เค้ก, คุกกี้ และขนมขบเคี้ยวที่มีน้ำตาลสูง ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และกระตุ้นการผลิตอินซูลิน
  • เครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลม, ชานมไข่มุก และน้ำผลไม้ที่เติมน้ำตาล ทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลเกินความจำเป็น
  • ช็อกโกแลต ช็อกโกแลตที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูงอาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิวหนัง ทำให้เกิดสิวเห่อได้
  • ของหวาน เช่น ไอศกรีมและลูกอม มีปริมาณน้ำตาลสูง ซึ่งมีผลกระทบต่อการผลิตอินซูลินและน้ำมันในผิว
  • อาหารแปรรูป เช่น ขนมขบเคี้ยว, ซีเรียลบาร์ และอาหารสำเร็จรูป มักมีปริมาณน้ำตาลซ่อนอยู่สูง
  1. การรักษาความสะอาดของใบหน้า

การรักษาความสะอาดของใบหน้าไม่เพียงพอหรือไม่ถูกวิธี ทำให้สิ่งสกปรกและน้ำมันสะสมอยู่ในรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวเห่อ

  1. การล้างหน้าผิดวิธี

การล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม หรือการล้างหน้าบ่อยเกินไป สามารถทำให้ผิวสูญเสียน้ำมันธรรมชาติที่จำเป็น ส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้นและเกิดสิวเห่อ

  1. การใช้ยาบางชนิด

ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์, ยาลิเธียม, ยากันชัก, ยาคุมกำเนิด หรือยาที่มีฮอร์โมน สามารถกระตุ้นการผลิตน้ำมันและทำให้เกิดสิวเห่อได้

  1. การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรืออุดตันรูขุมขน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันหรือสารเคมีที่รุนแรง อาจทำให้เกิดสิวเห่อได้

  1. การสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ

การสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ ด้วยมือที่ไม่สะอาด หรือการใช้โทรศัพท์มือถือที่มีเชื้อแบคทีเรีย สามารถนำพาสิ่งสกปรกเข้าสู่รูขุมขนและทำให้เกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบ

  1. การใส่หน้ากากอนามัย

การใส่หน้ากากอนามัยตลอดทั้งวัน ทำให้เกิดการสะสมของเหงื่อและน้ำมัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวเห่อ

  1. การที่ผิวขาดน้ำ

การดื่มน้ำไม่เพียงพอและการบำรุงผิวไม่เพียงพอ ปล่อยให้ผิวขาดน้ำ ร่างกายจะผลิตน้ำมันออกมาเพื่อทดแทนความชุ่มชื้นที่หายไป ซึ่งน้ำมันเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการอุดตันในผิวและกลายเป็นสิวเห่อได้

  1. ปัจจัยสภาพแวดล้อม

ฝุ่นละออง มลภาวะ และสิ่งสกปรกในอากาศสามารถเกาะติดผิวหน้า ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและนำไปสู่สิวเห่อ การสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาดและมีมลภาวะสูงก็มีส่วนทำให้สิวเห่อเพิ่มมากขึ้น

เป็นสิวเห่อ ใช้อะไรดี ?

การรักษาสิวเห่อต้องใช้วิธีการที่เหมาะสม เพื่อช่วยลดการอักเสบและป้องกันการเกิดสิวใหม่ โดยแนะนำให้ใช้ดังนี้

  1. ยาแต้มสิว (Topical Acne Treatments)

การใช้ยาแต้มสิวที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยลดการอักเสบและควบคุมการผลิตน้ำมัน เช่น:

  • เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide): ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว
  • กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid): ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเปิดรูขุมขนที่อุดตัน
  • เรตินอยด์ (Retinoids): ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน
  1. ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า (Cleansers)

การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน

  • ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid): ช่วยเปิดรูขุมขนและลดการอุดตัน
  • ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่มีน้ำมัน (Oil-Free Cleansers): ลดความเสี่ยงในการเกิดสิวใหม่
  1. มอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizers)

การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-Comedogenic) เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว

  1. การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)

ในกรณีที่สิวเห่อมีการอักเสบรุนแรง แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

  1. การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skincare Products)

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน

  • เซรั่มหรือเจลที่มีส่วนผสมของไนอาซินาไมด์ (Niacinamide): ช่วยลดการอักเสบและควบคุมการผลิตน้ำมัน
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของชาเขียว (Green Tea Extract): มีสารต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ

แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง หากสิวเห่อไม่ดีขึ้นหรือมีการอักเสบรุนแรง เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะ หรือการรักษาด้วยเลเซอร์

สิวเห่อ รักษาอย่างไร ?

สิวเห่อ รักษาอย่างไรดี

สิวเห่อเป็นปัญหาผิวที่ต้องการการดูแลและรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนและสุขภาพดีอีกครั้ง สามารถรักษาสิวเห่อได้ดังนี้

  1. ไม่บีบหรือแกะสิว

การบีบสิวหรือแกะสิวจะทำให้การอักเสบแย่ลง และอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นหรือหลุมสิวตามมาได้

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม บีบสิวดีไหม? สิวแบบไหนไม่ควรบีบ

  1. ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า (Cleansers)

การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน

  • ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid): ช่วยเปิดรูขุมขนและลดการอุดตัน
  • ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่มีน้ำมัน (Oil-Free Cleansers): ลดความเสี่ยงในการเกิดสิวใหม่
  1. การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skincare Products)

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมและไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน

  • เซรั่มหรือเจลที่มีส่วนผสมของไนอาซินาไมด์ (Niacinamide): ช่วยลดการอักเสบและควบคุมการผลิตน้ำมัน
  • ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของชาเขียว (Green Tea Extract): มีสารต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบ
  1. การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)

ในกรณีที่สิวเห่อมีการอักเสบรุนแรง แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

  1. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

หากสิวเห่อไม่ดีขึ้นหรือมีการอักเสบรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะ หรือการรักษาด้วยเลเซอร์

ป้องกันสิวเห่อหน้ายังไงดี

  1. ดูแลผิวหน้าอย่างเหมาะสม

การดูแลผิวหน้าอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันสิวเห่อ ทั้งช่วยลดการเกิดการอุดตันของรูขุมขน และยังขจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดสิว

  • ล้างหน้าสม่ำเสมอ

การล้างหน้าเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและเหมาะสมกับสภาพผิว จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน และเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำให้เกิดสิว

  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า

การสัมผัสใบหน้าบ่อยๆ สามารถนำเชื้อแบคทีเรียและสิ่งสกปรกเข้าสู่ผิว ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและสิวอักเสบได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับอย่างเพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูและลดการอักเสบของผิว การนอนหลับเพียงพอยังช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดการเกิดสิว

  1. ลดการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง

การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง สามารถกระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิว ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและสิวอักเสบ ควรหลีกเลี่ยงขนมหวาน น้ำอัดลม ช็อกโกแลต และอาหารแปรรูปที่มีน้ำตาลและไขมันสูง

  1. การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง
  • ใช้เครื่องสำอางที่เหมาะสม

เลือกใช้เครื่องสำอางที่ระบุว่า “non-comedogenic” หรือไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน และควรทำความสะอาดเครื่องสำอางอย่างหมดจดทุกครั้งก่อนนอน

  • เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสมกับสภาพผิว และมีส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมันและสารเคมีรุนแรง

  1. ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสม

การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (“non-comedogenic”) จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวโดยไม่ทำให้ผิวมันเกินไป

  1. ใช้ครีมกันแดดที่ไม่ก่อให้เกิดสิว

แสงแดดมีส่วนในการกระตุ้นให้ผิวเกิดสิวเห่อขึ้นได้ เพราะแสงแดดจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามาก และเกิดการอุดตันตามมา การใช้ครีมกันแดดที่ไม่ก่อให้เกิดสิว (non-comedogenic) จะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV โดยไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน และควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF เหมาะสมและไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน

  1. ใช้ยาที่มีส่วนช่วยในการรักษาสิว

ในกรณีที่มีสิวเห่อมาก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาที่ช่วยรักษาสิว เช่น ยาแต้มสิวที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์หรือกรดซาลิไซลิก ซึ่งช่วยลดการอักเสบและควบคุมการผลิตน้ำมัน

  1. เปลี่ยนปลอกหมอนและเครื่องนอนบ่อย ๆ

เปลี่ยนปลอกหมอนและเครื่องนอนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดสิว

  1. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรง

หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสารที่ทำให้ผิวแห้งเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวได้

  1. รักษาสมดุลฮอร์โมน

การรักษาสมดุลฮอร์โมนโดยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ และการพักผ่อนให้เพียงพอ

  1. ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ

การดูแลเส้นผมและหนังศีรษะโดยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้า และหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์แต่งผมที่มีส่วนผสมของน้ำมันใกล้กับใบหน้า

  1. หลีกเลี่ยงการใส่หน้ากากอนามัยที่ไม่สะอาด

การเปลี่ยนหน้ากากอนามัยบ่อยๆ และเลือกใช้หน้ากากที่ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี เพื่อลดการสะสมของเหงื่อและน้ำมัน

  1. ป้องกันการอุดตันของรูขุมขน

การใช้สครับหรือผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและป้องกันการอุดตันของรูขุมขน

  1. เข้าคลินิกรักษาสิว

ในกรณีที่สิวเห่อไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือเข้าคลินิกรักษาสิว เช่น ลลิษาคลินิก  เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม โดยทางลลิษาคลินิกมีคอร์สสิว ที่ดูแลอย่างครบครัน ทั้งทำความสะอาดผิวหน้า กดสิว ฉีดสิว 

สรุป 

สิวเห่อเป็นปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญ มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกระจายตัวเป็นบริเวณกว้าง ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและสุขภาพผิวของเราได้ สาเหตุของสิวเห่อมีหลายประการ ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกจากสภาพแวดล้อม เช่น มลภาวะและฝุ่นละออง การรู้จักสาเหตุและการป้องกันสิวเห่อเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราดูแลผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

การดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธีและการปฏิบัติตามวิธีการที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสิวเห่อ ทำให้ผิวหน้าของเรากลับมาเรียบเนียนและสุขภาพดีอีกครั้งนอกจากนี้หากสิวเห่อไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

บทความโดย

ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว

ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน)