คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
สิวอุดตันเกิดจากอะไร? รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง และป้องกันด้วยวิธีไหนดี

สิวอุดตัน หนึ่งในชนิดสิวที่พบได้บ่อย และสร้างปัญหาผิวในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ความเครียด และการใช้ชีวิตประจำวันที่เร่งรีบ ซึ่งสิวอุดตันไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความสวยงามภายนอกเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจและการใช้ชีวิตประจำวันของหลายคน
หากไม่รีบรักษาสิวอุดตัน อาจลุกลามกลายเป็นสิวอักเสบและทิ้งรอยแผลเป็นให้กลายเป็นปัญหาผิวเรื้อรังได้ บทความนี้หมอตาลจะพามารู้จักสิวอุดตัน ก่อนทำการรักษา เพื่อปัญหาสิวจะได้หมดไปตั้งแต่ต้นตอ
สิวอุดตัน คืออะไร?
สิวอุดตัน คือรูปแบบหนึ่งของสิวที่ไม่อักเสบ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งแตกต่างจากสิวอักเสบคือ สิวอุดตันจะยังไม่มีการบวมแดงค่ะ



Tip สังเกตสิวอุดตัน
เมื่อเทียบกับสิวชนิดอื่น สิวอุดตันมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างออกไป คือ จะไม่มีหนองเหมือนสิวอักเสบ ไม่มีอาการแดง หรือบวมมากเหมือนสิวหัวหนอง และจะมีขนาดเล็กกว่า ซึ่งข้อดีคือสามารถรักษาสิวอุดตันได้ง่ายกว่าถ้าได้รับการดูแลตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
สิวอุดตัน เกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

สิวอุดตันเกิดจากการที่รูขุมขนถูกอุดตันด้วยสิ่งสกปรก เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และไขมันส่วนเกิน ซึ่งสาเหตุเหล่านี้นำไปสู่การอักเสบและเกิดสิวอุดตัน ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน มีดังนี้
- การผลิตน้ำมันส่วนเกินของต่อมไขมันผลิตน้ำมันเพื่อรักษาเกราะป้องกันผิว การผลิตน้ำมันมากเกินไปอาจทำให้รูขุมขนอุดตัน
- การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว โดยปกติผิวหนังจะผลัดเซลล์ที่ตายแล้วเพื่อให้มีที่ว่างสำหรับเซลล์ผิวใหม่ ในรูขุมขน การผลัดเซลล์นี้อาจทำให้เกิดการอุดตัน
- การอุดตันของสิ่งสกปรกต่างๆ เช่นใช้สกินแคร์ที่ไม่เหมาะสม ใช้อุปกรณ์แต่งหน้าที่ไม่สะอาด
- แบคทีเรียซึ่งปกติอยู่บนผิวหนังตามธรรมชาติเป็นปัจจัยเสริมในการเกิดการอุดตันและการพัฒนาของสิว
- การอักเสบและการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน หรือเกิดการแพ้ต่อสารเคมีต่างๆ
สิวอุดตันสามารถรักษาได้โดยใช้วิธีการต่างๆ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะสิวอุดตันในคนไข้แต่ละคน
สิวอุดตันมีกี่ชนิด ชนิดไหนบ้าง

สิวอุดตันมี 3 ชนิด โดยแต่ละชนิด หมอมีคำอธิบายลักษณะที่แตกต่างกัน ไว้ดังนี้
1. ชนิดสิวหัวขาว (Closed Comedones)
สิวหัวขาว เป็นสิวอุดตันที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนขนาดเล็กใต้ผิวหนัง โดยมองเห็นเป็นจุดสีขาวและไม่มีรูเปิด มักเกิดจากปัจจัยภายใน เช่น การไม่สมดุลของฮอร์โมน การอุดตันของต่อมน้ำมัน และพันธุกรรม ปัจจัยภายนอกรวมถึงยาคุมกำเนิด เครื่องสำอาง ฝุ่น และมลพิษทางอากาศ รากสิวจะอยู่ลึกจึงทำให้รักษาได้ยากกว่าสิวหัวดำ ดังนั้นหากไม่ได้รักษาถูกวิธีมีโอกาสเกิดการอักเสบได้
2. ชนิดสิวหัวดำ (Open Comedones)
สิวหัวดำ หรือ สิวอุดตันหัวเปิด เกิดขึ้นเมื่อมีการอุดตันของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน และมีปฏิกิริยากับออกซิเจนและเมลานิน ทำให้เกิดจุดสีดำที่มองเห็นได้ สิวหัวดำเป็นสิวที่พบบ่อยที่สุดและมีความรุนแรงน้อยที่สุด
3. ชนิดสิวอุดตันไม่มีหัว (Microcomedones)
สิวอุดตันไม่มีหัว จะเป็นสิวอุดตันขนาดเล็กที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า พบมากในหมู่วัยรุ่นเพราะเป็นสิวที่เกิดขึ้นเองจากฮอร์โมนแอนโดรเจนและสามารถหายได้เองตามธรรมชาติ ยกเว้นถ้าเกิดการอักเสบก็สามารถพัฒนาไปเป็นสิวประเภทอื่นได้
สิวอุดตันมักจะขึ้นตรงไหนบ้าง

บริเวณที่สิวอุดตันมักจะขึ้น จะมีทั้งบนใบหน้าและร่างกาย ดังนี้
- สิวอุดตันที่จมูก: เป็นพื้นที่ T-Zone ที่มีต่อมไขมันมาก ในบางครั้งอาจเป็นเพราะความเครียดที่กระตุ้นการผลิตน้ำมันส่วนเกิน
- สิวอุดตันที่หลัง: เกิดจากความอับชื้นใต้เสื้อผ้า จนทำให้เกิดการสะสมของเหงื่อและแบคทีเรีย รวมถึงการเสียดสีกับเสื้อผ้าที่เพิ่มการระคายเคือง
- สิวอุดตันที่หน้าผาก: เกิดจากคราบเหงื่อและความมันจากเส้นผมที่ไหลลงมา หรือผลิตภัณฑ์ดูแลผมบางชนิดที่อาจก่อการแพ้
- สิวอุดตันที่คาง: สาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะช่วงมีประจำเดือน หรือต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินปกติ
- สิวอุดตันที่แก้ม: เกิดจากการสัมผัสใบหน้าด้วยมือบ่อย ๆ เช่น เท้าคาง หรือการแกะเกา ซึ่งเชื้อโรคและสิ่งสกปรกจากมือสามารถอุดตันรูขุมขนได้
- สิวอุดตันที่กรอบหน้า: เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในวัยเจริญเติบโต หรืออาจเกิดจากพันธุกรรมและพฤติกรรมการสัมผัสใบหน้า
- สิวอุดตันที่คอ: มีต่อมไขมันหนาแน่น หรือการดูแลความสะอาดไม่เพียงพอ
รักษาสิวอุดตัน ด้วยวิธีไหนได้บ้าง

รักษาสิวอุดตันโดยการใช้ยาทา
- ยาทาเรตินอยด์ (Retinoids)
ยาทา เช่น Tretinoin, Isotretinoin และ Adapalene เรตินอยด์เป็นอนุพันธ์ของวิตามิน A ที่ทำงานโดยการกระตุ้นการเพิ่มจำนวนของเซลล์ผิวหนัง เร่งการกำจัดน้ำมันในท่อไขมัน ช่วยละลายการอุดตัน ลดการอักเสบ และกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เหมาะสำหรับใช้ช่วยขจัดสิวชนิด Micro comedone ข้อเสียคือเรตินอยด์บางตัวอาจไม่เสถียรเมื่อเจอแสง
Tipsเพิ่มเติม
- แนะนำให้เริ่มใช้เรตินอยด์ในปริมาณเล็กน้อย (ขนาดเมล็ดถั่ว) ครอบคลุมทั่วใบหน้าในเวลากลางคืน
- ควรใช้ยาที่มีความเข้มข้นต่ำและเพิ่มปริมาณยาอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันการระคายเคือง
- ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีสารกันแดดเพื่อลดความไวต่อแสงแดด
- เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide)
ยานี้ทำหน้าที่เหมือนยาปฏิชีวนะโดยการฆ่าแบคทีเรียบนผิวหนัง โดยการทำลายผนังเซลล์ของแบคทีเรีย C. acnes ช่วยลดการอักเสบ และป้องกันการเกิดสิวใหม่ เหมาะกับการใช้ในการขจัดสิวอุดตันหัวขาว อาจใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะได้
Tipsเพิ่มเติม
- เริ่มใช้ด้วยความเข้มข้นต่ำเพื่อป้องกันการระคายเคือง
- ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์หลังใช้เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์เพื่อป้องกันผิวแห้ง
- ใช้ในปริมาณเล็กน้อยและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเสื้อผ้าและผม
- การรักษาร่วมด้วยยาทาผสม (Combined Topical Treatments)
การรักษาร่วมระหว่าง Benzoyl Peroxide กับเรตินอยด์หรือยาปฏิชีวนะทา โดยแต่ละองค์ประกอบมุ่งเป้าไปที่ปัญหาต่างๆ ของสิว เช่น การควบคุมการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย และการผลัดเซลล์ผิว - กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid)
ช่วยลดการอุดตันและมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เหมาะสำหรับการขจัดสิวอุดตันหัวขาวและสามารถหาซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยา มีความเข้มข้นตั้งแต่ 0.5% ถึง 2% ทั้งแบบทิ้งไว้บนผิวและแบบล้างออก ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ลดความมันบนใบหน้า และลดรอยดำจากสิวได้
รักษาด้วยเลเซอร์และแสง
การรักษาด้วยเลเซอร์และแสงเพื่อช่วยลดการผลิตน้ำมันและปรับปรุงลักษณะผิวให้ช่วยเปิดหัวสิวให้เม็ดสิวหลุดออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งเลเซอร์ที่มักพบได้ในการรักษาสิวอุดตันบ่อยๆ ได้แก่ เลเซอร์ CO2, เลเซอร์ Dual Yellow และเลเซอร์ Omnilux เป็นต้น
ฉีดยารักษาสิวอุดตัน

การฉีดยาประเภทนี้จะเป็นการฉีดเมโสหน้าใส หรือ เมโสเทอราพีอื่นๆ ที่จะเป็นการฉีดสารบำรุงเข้าสู่ผิวเพื่อเสริมสร้างสุขภาพผิวและรักษาสิวจากต้นเหตุของสิว ซึ่งต่างกับการฉ๊ดสิวกลุ่มสิวอักเสบ สิวหัวช้างที่จะเป็นการใช้สารสเตียร์รอยด์ในการทำให้เม็ดสิวยุบตัว
โดยข้อดีของการฉีดสิวแบบเมโสก็คือนอกจากจะช่วยรักษาสิวแล้ว ตัวยายังมีส่วนช่วยในการฟื้นบำรุงผิวหน้าให้กระจ่างใส เรียบเนียน และให้ผิวหน้าสวยสุขภาพดีได้ขึ้นอีกด้วย
การกดสิว
การกดสิวช่วยให้หัวสิวหลุดออกจากผิวได้ง่ายและเร็วขึ้น แม้หลายคนจะชอบกดสิวด้วยตัวเอง แต่การกดสิวที่ถูกวิธีควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันการอักเสบและการเกิดแผลเป็น ผู้เชี่ยวชาญจะใช้เครื่องมือเฉพาะที่สะอาดและปลอดเชื้อ ทำให้เนื้อเยื่อไม่บอบช้ำ
หากกดสิวไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการอักเสบ รอยแดง หรือแผลเป็น โดยเฉพาะบริเวณคางที่ง่ายต่อการทิ้งรอยแผลเป็น ดังนั้น ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้การกดสิวปลอดภัยและได้ผลดีที่สุด
ฉีดเมโสหน้าใส หรือ มาเด้คอลลาเจน
การฉีดเมโสหน้าใส หรือมาเด้คอลลาเจน เป็นหนึ่งในทางเลือกการดูแลผิวที่ได้รับความสนใจ โดยจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ
ส่วนผสมของวิตามินและสารบำรุงที่ใช้ สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสมดุลผิว และส่งเสริมการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งอาจช่วยลดปัญหาสิวอุดตันและผิวแพ้ง่ายได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนเข้ารับการรักษา
รับคำปรึกษากับแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเพื่อรักษา

การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเพื่อรักษาสิวมีข้อดี ดังนี้
- ได้รับการวินิจฉัยที่แม่นยำ: แพทย์ผิวหนังมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง สามารถวิเคราะห์สาเหตุและประเภทของสิวได้อย่างละเอียด สามารถแยกแยะระหว่างสิวและปัญหาผิวหนังอื่น ๆ ได้อย่างถูกต้อง
- ได้รับการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล: สามารถสั่งจ่ายยาเฉพาะทางที่มีประสิทธิภาพสูง ซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป รวมถึงปรับเปลี่ยนแผนการรักษาได้ตามการตอบสนองของผิว
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อนและรอยแผลเป็น: การรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่แรกช่วยลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็น
- ได้รับคำแนะนำในการดูแลผิวที่ถูกต้อง: แพทย์จะให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว พร้อมให้คำแนะนำเรื่องการป้องกันการเกิดสิวซ้ำ
การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสิวอุดตัน เพราะแพทย์จะวินิจฉัยสาเหตุและให้การรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน โดยสามารถปรึกษาหมอเพื่อทำการรักษาสิว ได้ที่ ลลิษาคลินิก
สิวอุดตัน ใช้อะไรดี

สิวอุดตันใช้อะไรดี ? หากคนไข้กำลังเป็นสิวอุดตัน แพทย์ผิวหนังมักแนะนำให้ใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมดังต่อไปนี้
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid): ช่วยผลัดเซลล์ผิวและทำความสะอาดรูขุมขน
- เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide): ช่วยฆ่าแบคทีเรียและลดการอักเสบ
- คลินดามัยซิน (Clindamycin): ยาปฏิชีวนะช่วยลดสิวอักเสบ
- วิตามินเอ กลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids): ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวและป้องกันการอุดตันของรูขุมขน
ส่วนผสมเหล่านี้มักพบได้ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ยาทารักษาสิวอุดตัน โฟมล้างหน้าลดสิวอุดตัน ครีมมอยส์เจอไรเซอร์รักษาสิวอุดตัน และเซรั่มลดสิว เป็นต้น
สิวอุดตันสามารถหายเองได้ไหม? รักษาด้วยตัวเองได้หรือไม่
สิวอุดตันอาจหายเองได้ในบางกรณี แต่ต้องใช้เวลานานและมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ การรักษาสิวอุดตันที่ถูกวิธีจะช่วยให้หายเร็วขึ้นและป้องกันการเกิดซ้ำ สามารถรักษาด้วยตัวเองได้ในกรณีที่เป็นไม่มาก แต่หากมีอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์
มีวิธีป้องกัน อย่างไรบ้าง

สิวอุดตันเป็นปัญหาผิวที่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลผิวอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ มาดูวิธีการดูแลผิวที่มีประสิทธิภาพได้ ดังนี้
- ล้างหน้าอย่างถูกวิธี: ควรล้างหน้าเช้า-เย็น ประมาณ 60 วินาที
- เลือกสกินแคร์ที่อ่อนโยน: เลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุ “Oil-free” หรือ “Non-comedogenic”
- ใช้ครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน: ทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมงหากอยู่กลางแจ้ง เลือกสูตรที่เหมาะกับผิวที่เป็นสิวง่าย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า: ล้างมือให้สะอาดก่อนแตะใบหน้าทุกครั้ง รวมถึงห้ามแกะหรือบีบสิว เพราะอาจทำให้เกิดแผลเป็น
- เปลี่ยนปลอกหมอนบ่อย ๆ : เพื่อลดการสะสมของแบคทีเรีย
ดูแลรักษาความสะอาดใบหน้าอย่างไรได้บ้าง เมื่อมีสิวอุดตัน
ต้องดูแลทั้งภายในและภายนอก โดยเริ่มจากการทำความสะอาดผิวที่ถูกวิธี ไปจนถึงการดูแลสุขภาพ ซึ่งหมอมีคำแนะนำมาแชร์ ดังนี้
- ทำความสะอาดผิว
การทำความสะอาดผิวที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานสำคัญ หลีกเลี่ยงการขัดถูรุนแรงที่อาจระคายเคืองผิว ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งเช้า-เย็นด้วยน้ำอุ่น - เลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว
ควรเลือกสูตรที่ช่วยควบคุมความมันและผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ควรใช้อย่างต่อเนื่อง และอย่าลืมทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่บนผิวก่อนใช้จริงเสมอ - ล้างมือให้สะอาด
ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนสัมผัสใบหน้า หรือทาผลิตภัณฑ์ดูแลผิว หลีกเลี่ยงการเอามือเท้าคาง หรือแตะหน้าโดยไม่จำเป็น และควรใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือเมื่อไม่สามารถล้างมือได้

- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ควรนอนหลับ 7-8 ชั่วโมงต่อคืนอย่างสม่ำเสมอ เพราะร่างกายจะซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย การพักผ่อนที่เพียงพอยังช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิว
สิวอุดตัน อันตรายไหม
สิวอุดตันไม่อันตรายถึงชีวิต แต่อาจส่งผลต่อความมั่นใจและอาจเกิดแผลเป็นได้หากไม่ได้รับการรักษาสิวอุดตันที่เหมาะสม
คำถามพบบ่อย
กดสิวอุดตันดีไหม? ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นจริงหรือเปล่า?
การกดสิวอุดตันสามารถทำได้หากทำอย่างถูกวิธีและปลอดเชื้อ โดยผู้เชี่ยวชาญ การกดสิวด้วยตนเองควรระวังเพราะอาจเกิดการอักเสบและแผลเป็น นอกจากกดสิวแล้วอาจควรใช้ยาทาร่วมด้วยเพื่อลดการอุดตันและป้องกันการเกิดสิวใหม่
การกดสิวอุดตันสามารถทำได้หากทำอย่างถูกวิธีและใช้เครื่องมือที่สะอาด แต่ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อลดความเสี่ยงของการอักเสบและแผลเป็น
สิวอุดตันไม่มีหัวบีบได้ไหม
หากเป็นสิวอุดตันไม่มีหัว ไม่ควรบีบ หรือแกะ แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid, Benzoyl Peroxide, Clindamycin, Retinoids
ขับสิวอุดตันออก ด้วยตนเองได้ไหม?
การขับสิวอุดตันสามารถทำได้โดยการใช้ยาละลายหัวสิวเพื่อละลายการอุดตันและผลัดเซลล์ผิว โดยสามารถใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ร่วมด้วยเพื่อลดการระคายเคืองผิว (อ่านคำแนะนำการใช้ยาทาละลายสิวด้านบน)
สิวอุดตันกี่วันถึงจะยุบลง
โดยทั่วไปใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ แต่ละคนอาจใช้เวลาไม่เท่ากัน
สิวอุดตันกลายเป็นสิวอักเสบได้ไหม?
สิวอุดตันที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีสามารถพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบได้และนอกจากนั้นยังก่อให้เกิดปัญหาหลุมสิวในภายหลังได้อีกด้วย
สิวอุดตันใช้เวลารักษานานแค่ไหน?
ระยะเวลาในการรักษาสิวอุดตันสามารถแตกต่างกันไปตั้งแต่หลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและปัจจัยส่วนบุคคล
สรุป
แม้สิวอุดตันจะยังไม่เกิดการอักเสบ แต่สามารถบั่นทอนความมั่นใจและส่งผลต่อรูปลักษณ์ได้ หากมีความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุ ประเภท และวิธีการรักษาที่เหมาะสม จะจัดการกับสิวอุดตันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่ผิวที่สะอาดและสุขภาพดีอย่างยั่งยืนต่อไป
โดยคลินิกของเรา เรามีแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมเฉพาะบุคคล การตรวจสุขภาพผิวอย่างสม่ำเสมอและการดูแลตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้คุณสามารถก้าวข้ามปัญหาสิวอุดตันและเผยผิวที่สดใสอย่างมั่นใจ เพราะผิวที่ดีเริ่มต้นจากการดูแลที่ถูกวิธี มาพบกับผู้เชี่ยวชาญของเราเพื่อรับคำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับผิวคุณ
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน)