คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
สิวหัวหนอง เกิดจากอะไร เป็นแล้วต้องรักษาอย่างไรให้ได้ผล
สิวหัวหนองเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่สร้างความกังวลใจ และลดทอนความมั่นใจให้กับหลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ อีกทั้งนับว่าเป็นสิวชนิดหนึ่งที่สร้างความรำคาญมากที่สุด ไม่เพียงแต่จะเจ็บเมื่อสัมผัส แต่ยังยากที่จะปกปิดด้วยเครื่องสำอาง และถ้าจัดการหัวหนองโดยไม่ถูกวิธี อาจทิ้งรอยแผลเป็นให้ต้องรักษาเพิ่มขึ้นอีก
บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวหัวหนอง วิธีป้องกันและรักษา รวมถึงเคล็ดลับในการดูแลผิวเพื่อป้องกันการเกิดสิวในอนาคต ให้เข้าใจและจัดการกับสิวหัวหนองได้อย่างถูกต้อง พร้อมกลับมามีผิวที่เรียบเนียนและมั่นใจได้อีกครั้ง
สิวหัวหนอง คืออะไร ?
สิวหัวหนอง หรือ Pustules คือ สิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มแดง ๆ มีหนองอยู่ด้านบน บางครั้งอาจมีขนาดใหญ่และเจ็บปวด ซึ่งเกิดจากการอักเสบของรูขุมขนที่มีหนองอยู่ภายใน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการอุดตันของน้ำมันและเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน และเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย Cutibacterium acnes (C. acnes) ที่บริเวณนั้น ทำให้เกิดการอักเสบและเป็นหนอง และมักทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเจ็บปวดและอักเสบ
เป็นสิวหัวหนองเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง ?
สิวหัวหนอง (Pustules) เกิดจากหลายปัจจัยที่ส่งผลให้รูขุมขนอุดตันและติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดการอักเสบและหนองในตุ่มสิว ดังนี้
- เกิดจากฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงวัยรุ่น, ช่วงมีประจำเดือน หรือช่วงตั้งครรภ์ สามารถทำให้ร่างกายผลิตน้ำมัน (Sebum) มากขึ้น ส่งผลให้รูขุมขนอุดตันและเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวหัวหนองได้
- เกิดจากแบคทีเรีย
แบคทีเรียชนิด Propionibacterium acnes (P. acnes) หรือชื่อใหม่คือ Cutibacterium acnes (C. acnes) ที่อยู่ในรูขุมขนสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพที่มีน้ำมันสะสม เมื่อแบคทีเรียเติบโตจะทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ จนกลายเป็นสิวหัวหนอง
- การอุดตันของรูขุมขน
การสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วและน้ำมันที่ผลิตออกมากเกินไปสามารถทำให้รูขุมขนอุดตัน และเกิดสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดสิวหัวหนอง
- การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน หรือสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง เช่น น้ำมันหรือสารเคมีบางชนิด อาจทำให้เกิดสิวหัวหนองได้
- การไม่รักษาความสะอาดของผิวหน้า
การไม่ทำความสะอาดผิวหน้าหรือการล้างหน้าไม่ถูกวิธีอาจทำให้สิ่งสกปรกและน้ำมันสะสมในรูขุมขน จนเกิดสิวหัวหนองขึ้น
- เกิดจากความเครียด
ความเครียดทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นการผลิตน้ำมันในผิวหนังมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การอุดตันของรูขุมขนและเกิดสิวหัวหนอง
- เกิดจากพฤติกรรมการทานอาหาร
การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลหรือไขมันสูงสามารถกระตุ้นการผลิตน้ำมันในรูขุมขนเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการอุดตันและสิวหัวหนอง
เป็นสิวหัวหนองมีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง ?
การรักษาสิวหัวหนองมีหลายวิธีที่สามารถช่วยลดการอักเสบและการเกิดหนอง รวมถึงป้องกันการเกิดสิวใหม่ๆ วิธีการรักษาสามารถทำได้ดังนี้
- การรักษาสิวหัวหนองด้วยวิธีทั่วไป
การรักษาสิวหัวหนองด้วยวิธีทั่วไปนั้นจะเน้นการดูแลผิวหน้าและการรักษาความสะอาด เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขนและลดการอักเสบ
- ทำความสะอาดผิว: ล้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมกับสภาพผิววันละสองครั้ง เพื่อลดการสะสมของน้ำมันและสิ่งสกปรก
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic)
- หลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิว: เพื่อป้องกันการติดเชื้อและการเกิดแผลเป็น
- ใช้แผ่นดูดสิว: แผ่นดูดสิวช่วยดูดซับหนองและน้ำมันออกจากสิว ลดการอักเสบและช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น
- การรักษาสิวหัวหนองด้วยผลิตภัณฑ์ยารักษาสิว
การใช้ผลิตภัณฑ์ยารักษาสิวเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทำให้สิวหัวหนองหายได้เร็วขึ้น
- ยาทารักษาสิวหนอง: ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เช่น ครีมคลินดามัยซิน (Clindamycin) จะช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หรือใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) หรือซาลิไซลิกแอซิด (Salicylic Acid) เพื่อช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิวหัวหนอง และช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน
- ยารับประทานรักษาสิวหัวหนอง: เช่น ยาปฏิชีวนะหรือยาในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) ที่แพทย์สั่งจ่าย
- ผลิตภัณฑ์อื่นๆ: เช่น ครีมหรือเจลที่มีส่วนผสมของสารฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบ
- การรักษาสิวหัวหนองในคลินิกรักษาสิว
การรักษาสิวหัวหนองในคลินิกผิวหนัง มักมีวิธีการที่หลากหลาย เหมาะสม และทันสมัย ที่สามารถช่วยลดสิวและป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทำเลเซอร์รักษาสิว: ใช้เลเซอร์ในการลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรียในรูขุมขน
- การฉีดยารักษาสิว: การฉีดยาลดการอักเสบตรงบริเวณที่มีสิวหัวหนอง
- การทำทรีตเมนต์ผิวหน้า: เช่น การทำทรีตเมนต์เพื่อผลัดเซลล์ผิว หรือการบำรุงผิวด้วยสารต่าง ๆ เพื่อลดการอักเสบของผิว
- ปรึกษาการรักษากับแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเพื่อรักษาสิวหัวหนอง
การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสิวหัวหนอง แพทย์สามารถประเมินสภาพผิว และแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน โดยแพทย์จะแนะนำวิธีการที่หลากหลายและเหมาะสม เช่น การใช้ยาทา ยารับประทาน หรือวิธีการรักษาที่ทันสมัยในคลินิกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย
สำหรับผู้ที่ต้องการการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและคำแนะนำที่ตรงจุด การปรึกษากับแพทย์ที่ลลิษาคลินิกเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี ที่นี่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง ที่สามารถให้คำปรึกษาและรักษาปัญหาสิวหัวหนองได้อย่างครอบคลุมและมืออาชีพ
ความแตกต่างระหว่างสิวหัวหนองกับสิวทั่วไป
สิวหัวหนอง (Pustules) มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงที่มีหนองสีขาวหรือเหลืองอยู่ด้านบน หนองนี้เกิดจากการสะสมของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มาสู้กับการติดเชื้อแบคทีเรียที่บริเวณรูขุมขน สิวหัวหนองมักมีการอักเสบที่เห็นได้ชัดเจน ทำให้บริเวณรอบๆ ตุ่มมีสีแดงและเจ็บปวด สิวหัวหนองมักมีขนาดใหญ่กว่าสิวทั่วไปและอาจรู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองมากกว่า ต้องการการรักษาที่เน้นการฆ่าเชื้อและลดการอักเสบ
ส่วนสิวทั่วไปสามารถแบ่งได้หลายประเภท เช่น สิวหัวดำ (สิวอุดตันเปิด) และสิวหัวขาว (สิวอุดตันปิด) สิวเหล่านี้มักไม่มีการอักเสบหรือเจ็บ มักจะสามารถรักษาได้ด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน
อาการของสิวหัวหนองมีอะไรบ้าง ?
สิวหัวหนองเริ่มต้นด้วยการเป็นตุ่มแดงเล็ก ๆ บนผิวหนัง ซึ่งต่อมาจะพัฒนาเป็นตุ่มหนองสีขาวหรือเหลืองด้านบน สิวหัวหนองมักมีการอักเสบที่ชัดเจน ทำให้บริเวณรอบๆ ตุ่มมีสีแดงและบวม สิวหัวหนองมักมีขนาดใหญ่และเจ็บปวดเมื่อสัมผัส ซึ่งเกิดจากการอักเสบและการสะสมของหนองภายในตุ่ม
นอกจากนี้ สิวหัวหนองอาจมีหนองที่แตกออกมา หากสัมผัสหรือบีบสิว ซึ่งสามารถทำให้การอักเสบลุกลามและติดเชื้อได้ และอาจทำให้เกิดแผลเป็นหรือรอยดำหลังจากสิวหาย
บริเวณที่มักจะเกิดสิวหัวหนองมีบริเวณไหนบ้าง ?
สิวหัวหนองสามารถเกิดขึ้นได้หลายบริเวณของร่างกาย โดยเฉพาะจุดที่มีการผลิตน้ำมันมากหรือมีการสะสมของสิ่งสกปรกที่รูขุมขน ทำให้เกิดสิวได้บ่อย ๆ เช่น
- สิวหัวหนองที่แก้ม
- สิวหัวหนองที่หน้าผาก
- สิวหัวหนองที่ไรผม
- สิวหัวหนองที่จมูก
- สิวหัวหนองรอบปาก
- สิวหัวหนองที่คาง
- สิวหัวหนองที่กราม
- สิวหัวหนองที่หลัง
- สิวหัวหนองที่หน้าอก
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวหนองมีอะไรบ้าง ?
การป้องกันไม่ให้เกิดสิวหัวหนอง เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาสุขภาพผิวหน้าให้สะอาดและปราศจากสิว และทำได้ง่ายกว่าการรักษา โดยมีวิธีดังนี้
- ล้างหน้าให้สะอาด
การล้างหน้าให้สะอาดเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญ ควรล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสมกับสภาพผิว เพื่อลดการสะสมของน้ำมันและสิ่งสกปรกที่สามารถอุดตันรูขุมขนได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า
การสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ สามารถนำแบคทีเรียและสิ่งสกปรกจากมือไปสู่ผิวหน้า ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนและการติดเชื้อตามมา ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็นและล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสใบหน้า
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (non-comedogenic) เพื่อป้องกันการอุดตันของรูขุมขนและการเกิดสิว
- รักษาความสะอาดของสิ่งที่สัมผัสใบหน้า
ทำความสะอาดสิ่งที่สัมผัสใบหน้าบ่อยๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ, หมอน, ปลอกหมอน และผ้าขนหนู เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดสิว
- หลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิว
การบีบหรือกดสิวอาจทำให้เกิดการอักเสบลุกลามและติดเชื้อเพิ่มเติม ควรหลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิวด้วยตนเอง และใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมแทน
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนอย่างเพียงพอ
สามารถช่วยรักษาสุขภาพผิวให้ดี ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูงที่อาจกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิว และหันไปทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เน้นผักและผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- หลีกเลี่ยงความเครียด
ความเครียดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการเกิดสิว
- การโกนหนวดถูกวิธี
ควรใช้ใบมีดโกนที่สะอาดและคม ใช้โฟมหรือเจลโกนหนวดที่เหมาะสมและอ่อนโยนต่อผิว ล้างหน้าและโกนหนวดในทิศทางที่ขนขึ้น เพื่อลดการระคายเคือง และใช้ผลิตภัณฑ์หลังโกนหนวดที่ช่วยบรรเทาการอักเสบและรักษาความชุ่มชื้นของผิว
ผลกระทบของสิวหัวหนองต่อผิวมีอะไรบ้าง ?
สิวหัวหนองไม่เพียงแค่สร้างความเจ็บปวดและไม่สบายใจ แต่ยังสามารถทำให้เกิดผลกระทบระยะยาวอื่น ๆ ได้อีก ดังนี้
- หน้าเป็นรอยสิว
- การเกิดแผลเป็น
- ผิวหน้ามีรอยแดงและบวม
- ความมั่นใจลดลง
- ความเสี่ยงในการติดเชื้อ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวหัวหนอง
สิวหัวหนอง กี่วันหาย ?
ระยะเวลาที่สิวหัวหนองจะหายแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความรุนแรงของสิว, วิธีการดูแลรักษา และการตอบสนองของร่างกายต่อการรักษา โดยทั่วไปสิวหัวหนองมักจะใช้เวลาประมาณ 3-7 วันในการหายไปเอง หากไม่มีการอักเสบเพิ่มเติมหรือการติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม การดูแลและรักษาสิวหัวหนองอย่างถูกวิธีสามารถช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นได้
หากสิวหัวหนองมีขนาดใหญ่ เจ็บปวดมาก หรือไม่หายภายในเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม
สิวหัวหนอง หายเองได้ไหม ?
สิวหัวหนองสามารถหายเองได้โดยไม่ต้องรักษา แต่การหายของสิวหัวหนองอาจใช้เวลาตั้งแต่ไม่กี่วันไปจนถึงหลายสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและการดูแลผิวของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามการปล่อยให้สิวหัวหนองหายเองโดยไม่ดูแลหรือรักษาอาจทำให้เกิดผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์ เช่น การติดเชื้อ การอักเสบลุกลาม และการเกิดแผลเป็น ซึ่งรักษายากมากขึ้น
หากสิวหัวหนองไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม
สิวหัวหนองควรบีบหรือไม่ ?
ไม่ควรบีบสิวหัวหนอง เนื่องจากการบีบหรือกดสิวหัวหนองอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อผิวหนังมากขึ้น และทำให้ปัญหาสิวแย่ลงได้ การบีบสิวหัวหนองอาจทำให้เกิดการอักเสบลุกลาม การติดเชื้อ และแผลเป็น อีกทั้งการบีบสิวด้วยมือที่ไม่สะอาดยังสามารถนำแบคทีเรียเข้าสู่แผลและทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรงขึ้นได้
หากสิวหัวหนองไม่หายหรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม แพทย์อาจใช้วิธีการรักษาอื่นๆ เช่น การฉีดยาลดการอักเสบ หรือการทำเลเซอร์รักษาสิวเพื่อช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นและลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็น
ข้อควรรู้ก่อนการบีบสิวอ่านต่อได้ที่บทความ บีบสิว ดีไหม มีข้อเสียอย่างไร พร้อมแนะนำวิธีรักษาอย่างถูกต้อง
สรุป
สิวหัวหนองเป็นปัญหาผิวที่พบได้บ่อยและสามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตได้ การรู้จักและเข้าใจถึงสาเหตุ การป้องกัน และวิธีการรักษาสิวหัวหนองอย่างเหมาะสมจะช่วยให้สามารถจัดการกับปัญหาได้อย่างดี ช่วยลดความรุนแรงของสิว และป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้กลับมามีผิวหน้าที่สวยงามและมั่นใจมากขึ้น นอกจากนี้ การฟื้นฟูผิวหลังจากเป็นสิวหัวหนองเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนและแข็งแรง
การดูแลผิวอย่างต่อเนื่องและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตจะช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวใหม่และทำให้ผิวหน้าสวยงามและสุขภาพดีในระยะยาว แต่หากอาการสิวหัวหนองไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมสำหรับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูลสิวยีสต์
Matt Smith. August 12, 2022. Pustules: Causes, Symptoms, Treatment
https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/pustules-facts
April Kahn. April 19, 2024.Pustules: Causes, Identification, and Treatments
https://www.healthline.com/health/pustules
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน)