คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
เลเซอร์รอยสิว มีกี่แบบ ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล รักษารอยสิวได้จริงไหม
เลเซอร์ในปัจจุบันมีการพัฒนาให้จำเพาะกับเม็ดสี และเส้นเลือดซึ่งเป็นสาเหตุแห่งการเกิดปัญหารอยดำรอยแดงดังนั้นผลลัพธ์จากการรักษาด้วยเลเซอร์จึงให้ผลลัพธ์ที่ดี ปัญหาเรื่องรอยดำและรอยแดงดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก แต่อาจต้องทำซ้ำ 4-5 ครั้ง ทุก 3-4 สัปดาห์ ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ดีขึ้น จนรอยหายสนิทได้หากได้รับการรักษาที่ต่อเนื่องและเหมาะสม
เลเซอร์รักษารอยสิวเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการรักษาเรื่องรอยแดง รอยดำจากการอักเสบโดยเฉพาะจากการเป็นสิว โดยเลเซอร์ที่ใช้ในปัจจุบันมีหลายมีหลายชนิดและมีความจำเพาะต่อการรักษาแต่ละปัญหาที่แตกต่างกัน การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับรอยโรคแต่ละชนิด โดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังโดยตรงจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อผลลัพธ์ในการรักษาดีที่สุดต่อคนไข้
รู้จักเลเซอร์รอยสิว ดีจริงไหม ทำไมจึงเป็นที่นิยม
เลเซอร์รอยสิว คือการใช้เครื่องมือในกลุ่มเลเซอร์รักษาสิว และภาวะแทรกซ้อนหลังการอักเสบของสิว เช่นการเกิดรอยดำ รอยแดง แผลเป็นนูน รวมถึงหลุมสิว ซึ่งเลเซอร์มีหลายชนิดเช่น Picosecond laser, Pulse dye laser, Dual yellow laser และกลุ่ม Ablative fractional laser แต่ละประเภทของเลเซอร์จะมีความจำเพาะกับ Chromopore หรือตัวดูดจับค่าพลังงานของแต่ละเครื่องที่แตกต่างกัน การใช้เครื่องเลเซอร์ในการรักษารอยดำ รอยแดงในปัจจุบันถือเป็นวิธีการรักษาที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุด
ทำความรู้จักรอยสิวแต่ละแบบ
- รอยแดง: เกิดขึ้นตามขณะเป็นสิวและตามหลังการอักเสบของสิว โดยมีการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยบริเวณที่เกิดการอักเสบ
- รอยดำ: เกิดขึ้นตามหลังการอักเสบของสิว โดยจะทิ้งเป็นรอยดำเนื่องจากการอักเสบทำให้มีการกระตุ้นการสร้างเม็ดสีมากขึ้น หลังการอักเสบหายแล้วจึงทิ้งเป็นรอยดำตามมาได้
- รอยหลุมสิว: เกิดตามมาจากสิวอักเสบและอุดตัน รวมถึงการรักษาโดยการกดหรือบีบที่ผิดวิธี ทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อโดยรอบและเกิดการบุ๋มเห็นเป็นหลุมสิวเกิดขึ้นได้
เลเซอร์รอยสิว เหมาะกับใครบ้าง?
จริง ๆ แล้ว Laser สามารถใช้ได้คนไข้ที่มีปัญหาสิวอักเสบ และภาวะแทรกซ้อนหลังการเกิดสิวต่าง ๆ โดยให้ผลลัพธ์ที่ดีมีประสิทธิภาพมาก ได้แก่
- ปัญหาสิวอุดตัน สิวอักเสบ
- ปัญหารอยดำ รอยแดงจากการเกิดสิว
- ปัญหาหลุมสิว
- ปัญหารอยนูน
โดยสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยกับคนไข้ทุกวัย ทุกสภาพผิว รวมถึงทุกบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า หรือการมีรอยสิวหรือปัญหาสิวที่หลังก็สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ใครไม่เหมาะกับการทำเลเซอร์รอยสิว
- ตั้งครรภ์ และให้นมบุตร
- ผู้ป่วยที่ได้รับการฉายแสงบริเวณใบหน้า
- ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ในกลุ่มแพ้ภูมิตัวเอง
เลเซอร์ รอยสิว มีกี่แบบ
สำหรับการเลเซอร์รอยสิว จะมีหลัก ๆสำคัญคือ การเลเซอร์รอยดำ ( Post inflammatory hyperpigmentation) กับเลเซอร์รอยแดง ( Post acne erythema)
- เลเซอร์ผลัดเซลล์ผิว หรือ Ablative laser resurfacing ได้แก่ CO2 laser, Erbium laserคือยิงเลเซอร์ที่มีระดับความแรงสูงไปที่ผิวหนัง เพื่อลอกผิวชั้นบนตรงบริเวณที่เกิดปัญหา โดยเลเซอร์จะผ่านแทรกเข้าไปในผิวชั้นกลาง ทำให้ผิวกระชับและเรียบเนียนขึ้น
- เลเซอร์ที่ไม่ทำให้ผิวลอก หรือ Non-Ablative Laser Resurfacing ได้แก่กลุ่ม IPL โดยใช้หลักการปล่อยแสง เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาแทนรอยสิวที่หายไป
- เลเซอร์ที่ทำให้ผิวลอกเฉพาะส่วนหรือ Fractionated Laser Resurfacing ใช้รักษาปัญหาหลุมสิวเฉพาะส่วนโดยยิงแสงเลเซอร์บาง ๆ ผ่านเข้าไปในชั้นผิว เกิดหลุมเล็ก ๆ จำนวนมากซึ่งเป็นบริเวณที่เซลล์ผิวเก่าถูกทำลาย และกระตุ้นเซลล์ผิวที่อยู่ลึกลงไปให้ผลิตคอลลาเจนออกมา ส่วนเซลล์ผิวดีที่อยู่ล้อมรอบนั้นจะช่วยรักษาผิวหนังที่ถูกเลเซอร์ทำลาย ทำให้เกิดเซลล์ผิวใหม่
เครื่องเลเซอร์รักษารอยสิวมีกี่แบบ แต่ละแบบมีจุดเด่นอย่างไร
เครื่องเลเซอร์รักษารอย จะมีทั้งหมด 6 แบบดังนี้
- Pico Laser เป็นเลเซอร์เทคโนโลยีใหม่ที่สามารถปล่อยพลังงานคลื่นแสงความถี่สูงด้วยความเร็วสูงสุดที่ระดับ 1 ต่อล้านล้านวินาที ความยาวคลื่นอยู่ที่ 532 nm และ 1,064 nm ช่วยรักษาปัญหาความผิดปกติของเม็ดสีผิว เช่น รอยดำรอยแดงจากสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ ลบรอยสัก รวมถึงรักษาหลุมสิวบางประเภทได้
- VBeam Laser เป็นเลเซอร์ชนิด pulse dye laser ความยาวคลื่น 595 nm ซึ่งหลักการทำงานของเครื่องจำเพาะกับตัวดูดแสงหลักคือเฮโมโกลบิน(Hemoglobin) ซึ่งเป็นเซลล์หลักในเส้นเลือดดังนั้น จึงใช้สำหรับการรักษา รอยแดงจากสิว ปานแดง เส้นเลือดฝอย โดยไม่มีระยะการพักฟื้นหรือ Downtime
- Dual yellow เป็นเครื่องที่มีสองความยาวคลื่น ได้แก่ แสงสีเขียว 511 nm ใช้รักษาพวกรอยดำ และ
แสงสีเหลือง ความยาวคลื่น 578 nm รักษารอยแดง ดังนั้น Dual yellow จึงสามารถรักษาทั้งรอยแดงและรอยดำได้ และเด่นในเรื่องผิวขาวกระจ่างใส - Q Switched Nd:YAG Laser คือเลเซอร์ที่ปล่อยแสงความยาวคลื่น 1064 nm กับ 532 nm โดยปล่อยที่ความเร็วหน่วยนาโนวินาที ใช้ในการรักษาปัญหาเม็ดสี เช่น กระ ฝ้า รอยดำ
- IPL หรือ Intense Pulsed Light (IPL) คือ เครื่องที่ใช้เทคโนโลยีแสงที่มีช่วงความยาวคลื่นที่กว้าง ทำให้สามารถจับเม็ดสี(melanin) เฮโมโกลบิน (Hemoglobin) รวมถึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (collagen) และอิลาสติน(Elastin) จึงมีประโยชน์ในเรื่องการเพิ่มความกระจ่างใส ปัญหาสิว จุดด่างดำ รอยแดง กำจัดขนบนร่างกาย
- FRACTIONAL CO2 LASER หรือที่เรียกว่า CO2 laser คือเลเซอร์ที่ใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นตัวกลางในการผลิตแสงเลเซอร์ความยาวช่วงคลื่น 10,600 นาโนเมตร โดยมีประโยชน์อย่างมากในการรักษาโรคผิวหนังต่าง ๆ เช่น ติ่งเนื้อ กระเนื้อ เป็นต้น ในปัจจุบันมีการนำมาใช้รักษาสิวอุดตัน เนื่องจาก CO2 laser ช่วยเปิดรูขุมขนที่อุดตันได้ ทำให้การรักษาสิวอุดตันมีประสิทธิภาพอย่างมาก ในส่วน Fractional CO2 laser เป็นการใช้เลเซอร์กรอผิวบางส่วนโดยใช้ CO2 laser ยิงเป็นรูเล็ก ๆ คล้ายตาราง เพื่อทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังเพียงบางส่วน ทำให้ลดการเกิดแผลขนาดเล็ก ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน และใช้สำหรับการรักษาหลุมสิว
ข้อดีของการเลเซอร์รอยสิว
- ช่วยให้รอยสิวจางเร็วขึ้น เริ่มเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
- เสริมผลลัพธ์ในการช่วยรักษาสิวอักเสบ
- ปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูง ไม่มีระยะเวลาพักฟื้น
ข้อเสียของการเลเซอร์รอยสิว
- ค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วยเลเซอร์จะสูงกว่าวิธีอื่น
- อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังจากการทำหัตถการเลเซอร์ได้ จึงควรได้รับการรักษาจากแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง และคลินิกที่ใช้เครื่องมือแท้ที่มี US FDA รับรอง
ข้อควรรู้ก่อนทำเลเซอร์รอยสิว
เลเซอร์รอยสิวเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย ไม่มีข้อห้ามอย่างชัดเจนในการทำหัตถการ อย่างไรก็ตามมีการแนะนำการเตรียมตัวก่อนเลเซอร์ดังนี้
- หากมีโรคประจำตัวให้แจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่โดนแสงแดดจัด เป็นเวลา 1 สัปดาห์
- ก่อนเข้ารับการทำเลเซอร์รอยสิว 1 สัปดาห์ควรหยุดรับอาหารเสริมหรือประทานยาที่จะมีผลเกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามิน
- ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดวิตามิน AHA BHA retinol ก่อนเข้ารับการรักษา 1 สัปดาห์
ขั้นตอนการเลเซอร์รอยสิว มีอะไรบ้าง
- เข้าปรึกษาแนวทางการรักษารอยดำรอยแดงจากสิวกับแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง
- เช็ดหน้าให้สะอาด
- เลเซอร์ในกลุ่มลดรอยสิว V beam หรือ Picosecond laser toning mode จะไม่เจ็บ ไม่จำเป็นต้องแปะยาชาก่อนทำหัตถการ
- การทำเลเซอร์รอยสิว โดยอาจใช้เวลาประมาณ 10 นาที
- อาจมีรอยแดงขึ้นเล็กน้อยหลังทำจะดีขึ้นเอง
การดูแลผิวหลังเลเซอร์ลดรอยสิว
- หลังยิงเลเซอร์รอยสิวสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่งหน้าได้ทันที
- หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด และทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
อาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นหลังทำเลเซอร์รอยสิว
อาจจะมีรอยแดงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังทำ แต่อาการจะดีขึ้นและหายได้ใน 1-2 ชั่วโมง
เลเซอร์รอยสิว อันตรายไหม ?
เลเซอร์รอยสิว มีความปลอดภัยและเหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่มีอันตรายและภาวะแทรกซ้อนหลังการทำที่น่ากังวล
เลเซอร์รอยสิว ราคา เท่าไหร่
สำหรับราคาของเลเซอร์รอยสิวจะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคลโดยมีปัจจัยอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องดังนี้
- ประเภทของเลเซอร์ : โดยประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ในการรักษารอยสิว เช่น vbeam laser ,Pico laser และอื่นๆ แต่ละแบบจะมีราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัญหาผิว
- จำนวนครั้งที่ทำ : การรักษารอยสิวด้วยlaser อาจะต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุด ราคา จะขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่ทำ
- โปรโมชั้นและแพ็คเกจ : บางคลินิกหรือสถานพยาบาลจะมีโปรโมชั่นหรือแพ็กเกจราคาพิเศษ ผู้ปัญหารอยสิวสามารถตรวจเช็คราคาก่อนเข้ารับการรักษา
สำหรับเลเซอร์รอยสิวที่ลลิษาคลินิก จะใช้เครื่องที่ได้มาตรฐาน และรักษาโดยมีแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง ในราคาที่สมเหตุสมผล โดยราคาของ V beam laser สำหรับรอยแดงและสิวอักเสบ จะอยู่ที่เริ่มต้น ราคา 800 บาท
คลินิก เลเซอร์รอยสิว ที่ไหนดี
การเลเซอร์รอยสิวที่ได้ประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย จำเป็นต้องทำกับคลินิกที่รับรองเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน และทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ที่ลลิษาคลินิกมีเครื่องเลเซอร์ที่ได้ FDA approve ตามมาตรฐานสากล และทำโดยทีมแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังโดยเฉพาะ ตรวจสอบรายชื่อและข้อมูลแพทยสภา checkmd.tmc.or.th หรือโทร 0 2193 7000
ต้องทำเลเซอร์รอยสิว กี่ครั้ง รอยจึงจะหาย และเห็นผลชัดเจน
หลังจากที่ทำเลเซอร์รอยสิวครั้งแรก จะเห็นว่ารอยสิวดีขึ้นได้ถึง 30 % แนะนำทำต่อเนื่อง 4-5 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดรอยโรค และความลึก
เลเซอร์รอยสิวเจ็บไหม?
เลเซอร์รอยสิวที่ใช้ในส่วนของรอยแดงแนะนำ V beam laser ซึ่งคนไข้จะไม่รู้สึกเจ็บระหว่างทำ ไม่จำเป็นต้องแปะยาชา เช่นเดียวกับการใช้ Picosecond laser สำหรับรอยดำ
รีวิวเลเซอร์รอยสิว
คำถามที่พบบ่อย
เลเซอร์รอยสิวใช้เวลานานไหม?
ใช้เวลาไม่นานขึ้นอยู่กับปริมาณรอยโรค ระยะเวลาการทำอยู่ที่ 5-10 นาที
เลเซอร์รอยสิว ช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นจริงไหม?
ช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นด้วยเนื่องจากไปลดเม็ดสี ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวเรียบเนียนใสขึ้น ทั้งนี้ขึ้นกับเครื่องมือชนิดเลเซอร์ และโหมดที่ใช้ในการรักษา
ควรรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์เมื่อไหร่?
การรักษายิ่งเร็วจะทำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่นตามมาจากการเป็นสิวอักเสบนาน ๆ เช่นหลุมสิวอีกด้วย
ทำเลเซอร์รักษารอยสิวบ่อย ๆ ได้ไหม
สามารถทำได้บ่อยโดยประเมินจากระดับความแรงของรอยสิว สามารถทำได้ทุก 2-3 สัปดาห์ ติดต่อกัน 4-5 ครั้งเพื่อให้รอยสิวดีขึ้นมีประสิทธิภาพอย่างเห็นได้ชัด
เลเซอร์รอยสิว ทำให้หน้าบางจริงไหม?
การเลเซอร์ไม่ได้ทำให้ผิวหน้าบาง ในทางตรงกันข้ามการเลเซอร์หลายชนิดที่ทำอย่างถูกต้องโดยเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน โดยแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังโดยเฉพาะ จะสามารถทำให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจน การสร้างผิวใหม่ที่เรียบเนียนกว่า
สรุป
รอยสิวไม่ว่าจะเป็นรอยดำรอยแดงจากสิวเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย โดยปัจจุบันเทคโนโลยีการใช้เลเซอร์ในการรักษาสิว และรอยสิว มีประสิทธิภาพอย่างมาก ปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อย และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น ทำให้คนไข้ในกลุ่มที่เป็นสิวที่มีภาวะรอยสิวตามมาหลังจากรักษา มีตัวเลือกในการรักษานอกเหนือจากการใช้ยาทา โดยเลเซอร์รอยสิวสามารถทำให้ในทุกสภาพผิว และเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มรักษา ทำให้คนไข้บอกลาปัญหารอยสิวและมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
หากสนใจรักษาเรื่องสิว รอยสิว หลุมสิว สามารถปรึกษาได้ที่ ลลิษาคลินิก ทางคลินิกมีแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง(ตจวิทยา) ที่ให้การปรึกษาและรักษา มั่นใจในผลลัพธ์และความปลอดภัย
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน)