กดสิว VS ฉีดสิว ต่างกันอย่างไร ข้อดี ข้อเสีย แต่ละวิธีเหมาะกับใคร

กดสิว ฉีดสิว ต่างกันอย่างไร เลือกแบบไหนดี อันไหนดีกว่ากัน

กดสิวกับฉีดสิวต่างกันยังไง ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้ล้วนเป็นวิธีที่สามารถรักษาสิวได้ทั้งคู่ และในแต่ละวิธีก็มีจุดเด่นและความแตกต่างกันออกไป สำหรับคนไข้ที่กำลังพยายามแก้ไขปัญหาสิวด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการใช้สกินแคร์ที่ช่วยดูแลรักษาสิวหรือวิธีอื่น ๆ แต่ก็อาจจจะต้องใช้เวลานานสิวถึงจะดีขึ้น หลาย ๆ คนจึงเลือกใช้บริการคลินิกรักษาสิวเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน เช่นการกดสิวหรือไม่ก็ฉีดสิว ในบทความนี้เราจะไปดูกันว่าวิธีไหนดีและได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล

กดสิวกับฉีดสิว ต่างกันอย่างไร

การฉีดสิวคืออะไร

ข้อดีของการฉีดสิว

การฉีดสิว (Acne Injection) คือ การรักษาสิวอักเสบรูปแบบหนึ่ง ที่มีการใช้ยาหรือสารลดการอักเสบให้ฉีดลงที่สิว แพทย์มักเลือกใช้สารกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ซึ่งมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการอักเสบและทำให้สิวหายเร็วขึ้นฉีดเข้าไปในหัวสิวโดยตรง โดยเป็นวิธีที่นิยม เนื่องจากเห็นผลลัพธ์ได้ไว สิวยุบภายใน 1-2 วัน

ข้อดีของการฉีดสิว

  • ช่วยให้สิวที่อักเสบยุบอย่างรวดเร็ว
  • ลดความเสี่ยงการเกิดหลุมสิวในอนาคต
  • ลดความเสี่ยงที่จะเกิดรอยดำ รอยแดง

ข้อเสียของการฉีดสิว

  • การฉีดสิวไม่สามารถใช้รักษาสิวได้ทุกประเภท
  • หากฉีดบ่อยหรือใช้ปริมาณเยอะเกินไปอาจเกิดผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์ได้
  • ไม่ทำให้สิวหายขาด และไม่ได้ป้องกันการเกิดสิวใหม่

สิวแบบไหนเหมาะกับการฉีดสิว

สิวที่เหมาะกับการฉีดสิว คือ สิวที่มีลักษณะ บวม แดง หรือ สิวอักเสบ สัมผัสแล้วเป็นไต หรือเป็นก้อนแข็ง แต่การฉีดสิวจะไม่สามารถใช้ในการรักษาสิวอุดตันได้ เพราะอาจทำให้เกิดรอย หรือผิวเป็นหลุมได้ ประเภทสิวที่เหมาะสำหรับการฉีดสิวมีดังนี้

  • สิวอักเสบขนาดใหญ่ (Inflamed Acne)
  • สิวหัวช้าง (Nodular Acne)
  • สิวซีสต์ (Cystic Acne)

สิวแบบไหนที่ไม่เหมาะสำหรับการฉีดสิว
สิวบางประเภทไม่เหมาะกับการฉีดสิว เพราะตัวยาที่ใช้ฉีดจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ เช่น

  • สิวอุดตัน (Comedones)
  • สิวหัวดำ (Blackheads)
  • สิวหัวขาว (Whiteheads)
  • สิวเสี้ยน (Sebaceous Filaments)
  • สิวผด (Fungal Acne)

ข้อควรรู้ก่อนฉีดสิว

  1. การฉีดสิวเหมาะสำหรับสิวบางประเภทเท่านั้น เช่น สิวอักเสบ สิวหัวช้าง
  2. หากใช้ยาในปริมาณที่ไม่เยอะเกินไปหรือฉีดบ่อยเกินไป อาจทำให้เกิดรอยบุ๋มบนผิวหนังได้
  3. การฉีดสิวช่วยให้สิวยุบเร็วขึ้น แต่ไม่ได้ป้องกันการเกิดสิวใหม่ ดังนั้นการดูแลผิวในระยะยาวจึงยังคงสำคัญ
  4. อาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้ เช่น รอยบุ๋มที่ผิวหนัง การระคายเคือง หรือการแพ้ยาหรือสเตียรอยด์
  5. หลังฉีดสิวควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด ไม่กดหรือแกะสิวเพิ่มเติม

การกดสิว คืออะไร

ข้อดีของการกดสิว

การกดสิวเป็นวิธียอดฮิตในยุคปัจจุบัน ที่สามารถกำจัดสิวออกจากผิวของเราได้อย่างรวดเร็ว ทันใจ โดยเฉพาะปัญหาสิวอุดตัน โดยมีเครื่องมือในการกดสิวโดยเฉพาะ มีลักษณะเป็นเข็ม และมีห่วงสำหรับกดสิวออกมา โดยมีวิธีการ คือ ใช้เข็มสะกดเปิดหัวสิว หลังจากนั้นจะใช้ห่วงในการกดสิวที่อยู่ภายในชั้นผิวออกมาให้หมด โดยเป็นวิธีการที่ใช้ระยะเวลาไม่นาน อยู่ที่ประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณสิวของคนไข้แต่ละราย

ข้อดีของการกดสิว

  • ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
  • กำจัดสิวอุดตันได้อย่างรวดเร็ว ทันใจ
  • ไม่เสี่ยงต่อการแพ้ยา หรือผลข้างเคียงจากการใช้ยา
  • ลดโอกาสเกิดสิวอักเสบได้
  • สิวอักเสบที่มีหัวและมีหนอง สามารถหายได้เร็วขึ้น
  • เพิ่มโอกาสสิวยุบ ในกรณีที่จะไปฉีดสิวที่เป็นหนองและมีหัวสิว

ข้อเสียของการกดสิว

  • หากใช้อุปกรณ์ไม่ถูกวิธี อาจทำให้เกิดรอยหลุมได้
  • การใช้น้ำหนักกดสิวมากไป อาจทำให้ผิวบริเวณที่กดบวมแดงได้
  • อาจทำให้เกิดการอักเสบ หากกดสิวออกไม่หมดหรือไม่ถูกวิธี

สิวแบบไหนเหมาะกับการกดสิว
การกดสิว เหมาะสำหรับการกำจัดสิวอุดตันที่สะสมภายในรูขุมขน โดยไม่มีอาการติดเชื้อหรืออักเสบ เช่น

สิวแบบไหนที่ไม่เหมาะสำหรับการกดสิว

สิวที่ไม่เหมาะกับการกดสิว


สิวที่ไม่เหมาะแก่การกดสิว คือ สิวอักเสบ เนื่องจากเป็นสิวที่ต้องใช้แรงในการกดสิวสูงและเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลบนใบหน้า ที่สำคัญคือถ้าหากบีบหนองหัวสิวออกมาไม่หมด ก็อาจทำให้สิวลุกลามไปบนใบหน้ามากกว่าเดิมได้ โดยลักษณะของสิวที่ไม่ควรกด มีดังนี้

  • สิวที่ไม่เห็นหัวสิว
  • สิวที่บวม ปวด
  • สิวที่เป็นถุงน้ำ
  • สิวเป็นตุ่มแข็ง
  • สิวที่เป็นตุ่มหนองขนาดใหญ่
  • สิวที่ภายในมีเลือดคั่ง
  • สิวที่บริเวณผิวม่วงช้ำ

ข้อควรรู้ก่อนกดสิว

  • การกดสิวควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญและใช้เครื่องมือที่สะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • ห้ามกดสิวอักเสบ
  • หากกดไม่ถูกวิธี หรือใช้เครื่องมือที่ไม่ได้ฆ่าเชื้อ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อและอักเสบเพิ่มขึ้น จนเกิดเป็นรอยดำ รอยแดง
  • การกดสิวช่วยให้สิวหายไปได้เร็วขึ้นในระยะสั้น แต่ไม่ได้แก้ปัญหาสิวที่ต้นตอของปัญหา

สรุปเลือกแบบไหนดี

การกดสิวเหมาะสำหรับสิวอุดตัน เช่น สิวหัวดำหรือสิวหัวขาว ซึ่งช่วยกำจัดสิวออกจากรูขุมขนได้ทันที ส่วนการฉีดสิวเหมาะกับสิวอักเสบ เช่น สิวหัวช้างหรือสิวซีสต์ ที่เห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็ว สิวยุบใน 1-2 วัน โดยแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับประเภทสิวของแต่ละคน

ที่ ลลิษาคลินิก เราให้บริการรักษาสิวครบวงจร ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน พร้อมดูแลทุกปัญหาผิวของคุณอย่างปลอดภัย

บทความโดย

ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว

ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน)