เลเซอร์หูด ทางเลือกในการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ทิ้งรอย

หูดอาจเป็นปัญหาผิวที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ เพราะไม่เพียงแต่ทำให้ผิวหน้าและร่างกายดูไม่เรียบเนียน แต่ยังอาจสร้างความรู้สึกไม่สบายใจในบางครั้ง วิธีเลเซอร์หูดจึงกลายเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และปลอดภัย การเลเซอร์สามารถช่วยกำจัดหูดได้อย่างตรงจุด

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับการเลเซอร์หูดอย่างละเอียด ตั้งแต่ขั้นตอนการทำ การเตรียมตัวก่อนและหลังการรักษา ไปจนถึงตอบข้อสงสัยเกี่ยวกับการเลเซอร์หูดที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจทำ

หูดคืออะไร? มีกี่ประเภท?

หูด คือเนื้องอกที่เกิดขึ้นบนผิวหนังจากการติดเชื้อไวรัสในกลุ่ม Human Papillomavirus (HPV) ซึ่งทำให้เซลล์ผิวหนังเติบโตและเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างผิดปกติ โดยทั่วไปแล้วหูดมีลักษณะเป็นตุ่มแข็งหรือก้อนนูนที่มีผิวขรุขระ อาจเป็นสีเนื้อหรือสีเทา มักเกิดที่มือ เท้า หรือบริเวณอื่น ๆ ที่สัมผัสกับเชื้อไวรัส

การติดต่อของหูดมักเกิดจากการสัมผัสโดยตรงกับผิวหนังที่มีการติดเชื้อ หรือการสัมผัสสิ่งของที่มีเชื้อไวรัส HPV เช่น ผ้าเช็ดตัว หรืออุปกรณ์ใช้ร่วมกันในห้องน้ำสาธารณะ

หูดมีกี่ประเภท?

หูดมีหลายประเภทที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งแต่ละประเภทมีลักษณะและสาเหตุที่แตกต่างกัน

1.โรคหูดที่ผิวหนัง
หูดธรรมดา (Common warts): มักเกิดที่มือและนิ้วมือ มีลักษณะเป็นก้อนแข็ง ขรุขระ สีเทา หรือสีเนื้อ
หูดฝ่าเท้า (Plantar warts): เกิดที่ฝ่าเท้า มักเจ็บเมื่อกด และมีลักษณะเหมือนจุดนูนขนาดเล็ก
หูดที่ใบหน้า (Flat warts): มักเกิดที่ใบหน้า หรือลำคอ มีลักษณะเรียบและขนาดเล็ก
หูดที่อวัยวะเพศ (Genital warts): เกิดบริเวณอวัยวะเพศ หรือทวารหนัก สามารถติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์
หูดติ่งเนื้อ (Filiform warts): มักเกิดบริเวณรอบปาก ตา หรือคอ มีลักษณะเป็นติ่งยื่นออกมา

2.โรคหูดหงอนไก่ (Condyloma Accuminata)
คือหูดที่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV และติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ มักเกิดที่อวัยวะเพศหรือทวารหนัก มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อเล็ก ๆ บางครั้งอาจเจ็บหรือคัน สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ ยาทา, เลเซอร์, หรือการเย็นจัด แต่เชื้อไวรัสนี้อาจกลับมาเป็นซ้ำได้ จึงควรหลีกเลี่ยงด้วยการใช้ถุงยางอนามัยและวัคซีน HPV โรค

3.หูดที่เยื่อบุผิว
หูดที่เกิดขึ้นในบริเวณที่เป็นเยื่อบุผิว เช่น ช่องปาก ลำคอ หรือทางเดินหายใจ โดยมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papillomavirus) ซึ่งสามารถส่งผลให้เกิดติ่งเนื้อหรือก้อนเล็ก ๆ ที่มีลักษณะนูนคล้ายหูดทั่วไป ในบางกรณี หูดที่เยื่อบุผิวอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อน เจ็บปวด หรือทำให้การกลืนหรือหายใจลำบากได้

4.หูดข้าวสุก
หูดข้าวสุก (Molluscum contagiosum) คือการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดตุ่มนูนเล็ก ๆ บนผิวหนัง ลักษณะคล้ายเมล็ดข้าวสุก มักพบในบริเวณต่าง ๆ เช่น แขน ขา หรืออวัยวะเพศ ติดจากการสัมผัสผิวหนังโดยตรงหรือใช้ของร่วมกับผู้ติดเชื้อ มักหายได้เองใน 6-12 เดือน แต่สามารถรักษาได้ด้วย การขูดออก การใช้ยา
หรือเลเซอร์หูด

หูดบางประเภทสามารถหายไปเองได้โดยไม่ต้องรักษา แต่บางชนิดอาจต้องได้รับการรักษา เช่น การใช้ยาทา, การใช้เลเซอร์ หรือการผ่าตัด

เลเซอร์หูดคืออะไร?

เลเซอร์หูด คือการใช้พลังงานจากเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 Laser) เพื่อกำจัดหูดโดยตรง โดยเลเซอร์จะทำลายเนื้อหูดอย่างแม่นยำ โดยไม่กระทบกับเนื้อเยื่อรอบข้าง ทำให้ไม่เกิดแผลใหญ่หรือการตกเลือด ซึ่งเหมาะสำหรับการรักษาหูดในบริเวณที่เข้าถึงยาก เช่น อวัยวะเพศและทวารหนัก วิธีนี้มีความปลอดภัยและได้ผลดีในการรักษา รวมถึงใช้ได้กับโรคผิวหนังชนิดอื่นได้ด้วย เช่น ไฝและติ่งเนื้อ

แต่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม โดยแพทย์จะพิจารณาจากขนาด ลักษณะ ตำแหน่ง และจำนวนของหูด รวมถึงสุขภาพของผู้ป่วย

เลเซอร์หูดเหมาะกับใคร?

1. หูดที่รักษาไม่หายด้วยวิธีอื่น เช่น ยาหรือการจี้ไฟฟ้า
2. หูดในบริเวณที่ยากต่อการเข้าถึง เช่น อวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือพื้นที่อื่นที่ไม่สามารถใช้วิธีรักษาอื่น ๆ ได้ง่าย
3. หูดที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือหายไปหลังจากการรักษาด้วยกรดซาลิไซลิกภายใน 12 สัปดาห์
4. หูดที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยมีขนาดใหญ่ขึ้น ผิวขรุขระมากขึ้น หรือขอบลุกลามไปยังผิวหนังข้างเคียง

เลเซอร์หูดไม่เหมาะกับใคร?

1. ผู้ที่มีโรคผิวหนังที่ทำให้เกิดแผลหรือการอักเสบ เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือมีแผลเปิดหรือการติดเชื้อในบริเวณที่จะทำการรักษา
2. ผู้ที่ตั้งครรภ์ การใช้เลเซอร์อาจมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์จากกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในการรักษา
3. ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือมีอาการแพ้แสงเลเซอร์ การใช้เลเซอร์อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแผลเป็นในบางกรณี
4. ผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคเริมหรือกำลังติดเชื้อไวรัสเริม ความร้อนหรือแผลจากการทำเลเซอร์อาจกระตุ้นให้โรคเริมกำเริบได้ ควรแจ้งแพทย์ก่อนทำการรักษา

หูดแบบไหนเหมาะกับการรักษาด้วยเลเซอร์

การรักษาหูดด้วยเลเซอร์มักใช้สำหรับหูดที่มีขนาดใหญ่ หูดที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ หรือหูดที่เกิดในบริเวณที่ยากต่อการเข้าถึง เช่น หูดที่อวัยวะเพศ (หูดหงอนไก่) หรือหูดที่เยื่อบุผิว เลเซอร์สามารถช่วยขจัดหูดได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ทิ้งรอยแผลใหญ่และลดโอกาสในการเกิดแผลเป็น

ข้อดีและข้อเสียของการเลเซอร์หูด

ข้อดี

• มีประสิทธิภาพสูง: เลเซอร์ช่วยขจัดหูดได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด โดยไม่กระทบกับเนื้อเยื่อรอบข้าง
• ไม่ทิ้งรอยแผลใหญ่: การรักษาด้วยเลเซอร์ช่วยให้แผลหายเร็วและไม่ทิ้งรอยแผลเป็นที่เห็นได้ชัด
• เหมาะสำหรับบริเวณที่ยากต่อการเข้าถึง: เลเซอร์สามารถใช้รักษาหูดที่บริเวณอวัยวะเพศ หรือหูดที่เกิดในที่ยากต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น
• ลดการกลับมาเป็นใหม่: มีโอกาสในการลดการกลับมาเป็นหูดใหม่ได้ดีกว่าวิธีอื่น ๆ

ข้อเสีย

• เจ็บปวด: อาจรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายขณะทำการรักษา และบางครั้งต้องใช้ยาชา
• มีค่าใช้จ่ายสูง: การรักษาด้วยเลเซอร์อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ
• อาจต้องทำหลายครั้ง: บางกรณีอาจต้องทำการรักษาหลายครั้งเพื่อให้หูดหายสนิท

การเตรียมตัวก่อนเลเซอร์หูด

1. ปรึกษาแพทย์ แจ้งโรคประจำตัว ประวัติแพ้ยา และการเคยเป็นโรคเริม
2. งดยาบางชนิด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรืออาหารเสริมที่ทำให้เลือดหยุดยาก 5-10 วันก่อนเลเซอร์
3. งดสูบบุหรี่ 14 วันก่อนและหลังทำเลเซอร์
4. ผู้มีประวัติเริมรับยาต้านไวรัส และยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่ง
5. ใช้ครีมกันแดดและหลีกเลี่ยงแดดก่อนทำเลเซอร์
6. ทำความสะอาดบริเวณหูด และหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือแกะหูดก่อนรักษา

ขั้นตอนการทำเลเซอร์หูด

1. ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบริเวณหูด
2. ทาหรือฉีดยาชาเฉพาะจุด
3. ยิงเลเซอร์กำจัดเนื้อเยื่อหูด โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดและจำนวนหูด บางรายอาจต้องเลเซอร์ซ้ำทุก 3-4 สัปดาห์
4. ปิดแผลด้วยผ้าก๊อซหรือพลาสเตอร์
5. แพทย์ให้ยาขี้ผึ้งดูแลแผล สามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที

ขั้นตอนการเลเซอร์หูดอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละคลินิกหรือโรงพยาบาล แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำเลเซอร์หูดต้องทำโดยแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเท่านั้น

การดูแลตัวเองหลังทำ

1. งดสัมผัสน้ำบริเวณแผล 24 ชั่วโมงแรก และทำความสะอาดด้วยน้ำเกลือวันละ 2 ครั้ง
2. ทาขี้ผึ้งตามแพทย์สั่งจนครบ 7 วัน และปล่อยสะเก็ดหลุดเอง ห้ามแกะหรือเกา
3. งดใช้เครื่องสำอางและบำรุงผิวบริเวณแผล 7-14 วัน
4. หลีกเลี่ยงแสงแดด 1 เดือน และทาครีมกันแดดป้องกัน
5. รับประทานยาตามแพทย์สั่ง และสังเกตอาการ หากผิดปกติให้รีบพบแพทย์

ผลข้างเคียงหลังจากทำ

หลังการรักษาหูดด้วยเลเซอร์อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น บริเวณที่ทำการรักษาอาจมีอาการบวม ซึ่งสามารถหายได้ในไม่กี่วัน บางคนอาจรู้สึกเจ็บหรือแสบร้อน และอาจมีการเปลี่ยนสีผิว เช่น ผิวเข้มหรือจางลง นอกจากนี้ยังอาจเกิดรอยแผลเป็นเล็กน้อย และในบางกรณีหูดอาจกลับมาใหม่หากไม่กำจัดออกทั้งหมด การดูแลแผลอย่างเหมาะสมจะช่วยลดผลข้างเคียงเหล่านี้ได้

เลเซอร์หูด เจ็บไหม?

ในระหว่างการทำเลเซอร์หูด แพทย์จะใช้ยาชาซึ่งทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ แต่หลังยาชาหมดฤทธิ์อาจมีอาการเจ็บเล็กน้อยบริเวณแผลได้ หากมีอาการเจ็บหรือแดงมากกว่าปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที

เลเซอร์หูดอันตรายไหม?

การเลเซอร์หูดถือว่าปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด แต่อาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยแดงหรือแผลสะเก็ด

ราคาเลเซอร์หูดเท่าไหร่

ราคาเลเซอร์หูด โดยเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 1,000-5,000 บาท ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนและขนาดของหูด รวมถึงสถานที่ให้บริการ ต่อจุด

เลือกเลเซอร์หูด ที่ไหนดี?

ควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรอง มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง และเครื่องมือที่สะอาด ปลอดภัย เพราะการเลเซอร์หูดเป็นหัตถการที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
ลลิษาคลินิกเป็นคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลผิวพรรณและการทำเลเซอร์ โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้เครื่องมือที่ทันสมัยและปลอดภัย หากคุณกำลังมองหาคลินิกที่ได้รับการรับรองและมีมาตรฐานสูง ลลิษาคลินิกป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการรักษาหูดด้วยเลเซอร์ เพราะมีบริการที่ครบครันและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ

เลเซอร์หูด กี่วันหาย?

โดยทั่วไปแผลจากการเลเซอร์จะใช้เวลาหายประมาณ 1-2 สัปดาห์ โดยสะเก็ดจะหลุดได้เองและผิวจะกลับมาเป็นปกติใน 3-4 สัปดาห์

สรุป

การรักษาหูดด้วยเลเซอร์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดหูดที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น โดยเลเซอร์ช่วยขจัดหูดได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด โดยไม่ทิ้งรอยแผลใหญ่ เหมาะสำหรับหูดที่เกิดในบริเวณที่ยากต่อการรักษา การรักษาหูดด้วยเลเซอร์โดยผู้เชี่ยวชาญและดูแลแผลหลังการรักษาอย่างถูกวิธี จะช่วยให้การรักษามีความแม่นยำและลดผลข้างเคียงได้