คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
ฝ้าเลือด เกิดจากอะไร มีอาการและลักษณะอย่างไร รักษาด้วยวิธีไหนดี

ฝ้าเลือด ปัญหาผิวที่ขึ้นชื่อเรื่องความรักษายากและต้องใช้เวลานานกว่าจะเห็นผล ใครที่กำลังกังวลใจว่าฝ้าเลือดแก้ยังไง เป็นแบบไหน หรือทำยังไงให้จาง จนรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่อยากออกไปไหนมาไหน บอกเลยว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว ปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องกวนใจที่ใครหลายคนต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน
ในบทความนี้ หมอตาลจากลลิษาคลินิกจะพามาทำความรู้จักกับ “ฝ้าเลือด” แบบเจาะลึก เพื่อที่เราจะได้รู้ที่มาที่ไป เข้าใจธรรมชาติของฝ้าเลือด และรู้วิธีดูแลป้องกันผิวหน้าของเราได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ฝ้าเลือด คืออะไร?
ฝ้าเลือด คือฝ้าชนิดหนึ่งที่รักษายากกว่าฝ้าทั่วไป เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง มักมีสาเหตุจากการที่ผิวโดนแดดนาน ๆ ทำให้เส้นเลือดฝอยขยายตัวหรือเสื่อม หรืออาจเกิดจากการใช้เครื่องสำอาง หรือยาที่มีสเตียรอยด์ ทำให้เส้นเลือดฝอยแตกและมีเลือดคั่งอยู่ใต้ผิว
ลักษณะและอาการของ ฝ้าเลือด เป็นแบบไหน

ลักษณะของฝ้าเลือดจะเป็นปื้นสีแดง ๆ มีรอยเส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ แตกแขนง หรือเป็นกลุ่ม ๆ สีอาจเป็นชมพู น้ำตาลแดง หรือคล้ำก็ได้
ฝ้าเลือดเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

ฝ้าเลือดเกิดจากหลายสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- โดนแดดเยอะมาก ๆ สะสมนาน: เวลาเราโดนแดดจัด ๆ เป็นเวลานาน ผิวตรงนั้นจะค่อย ๆ อ่อนแอลง ทำให้ผิวบาง และแดดก็จะไปกระตุ้นให้เส้นเลือดเล็ก ๆ ใต้ผิวขยายตัว มีจำนวนมากขึ้น และสีเข้มขึ้นด้วย ที่พบบ่อย ๆ ก็ตรงโหนกแก้มกับสันจมูก เพราะโดนแดดง่ายกว่าที่อื่น
- ใช้ครีมที่มีสารอันตราย: ครีมบางชนิดที่มีสารแรง ๆ หรือสารที่ทำให้ผิวขาวเร็ว เช่น ไฮโดรควิโนน, ปรอท, หรือสเตียรอยด์ ถ้าใช้นาน ๆ จะทำให้ผิวบางลง เส้นเลือดฝอยใต้ผิวก็จะขยายตัวจนกลายเป็นฝ้าเลือดได้
- ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยน: โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเพศหญิงสูง มักจะเป็นฝ้าเลือดมากกว่าผู้ชาย หรืออาจจะมาจากการกินยาคุม หรือแม้แต่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะค่อย ๆ จางลงหลังคลอดลูกแล้ว
- ฝ้าเลือดเข้มขึ้นได้เอง: ถ้ามีฝ้าอยู่แล้ว เส้นเลือดฝอยที่เพิ่มขึ้นมาใต้ผิวหนังจะทำงานผิดปกติ และยังไปกระตุ้นให้ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้น ทำให้ฝ้าเลือดดูคล้ำขึ้นได้อีก
8 วิธีรักษาฝ้าเลือด แต่ละวิธีต่างกันอย่างไร

ฝ้าเลือดแก้ยังไง หรือมีวิธีรักษายังไงบ้างให้ฝ้าจางลงนั้น จำเป็นต้องเข้าใจว่าฝ้าแต่ละชนิดมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน และสำหรับฝ้าเลือดเองก็มีหลากหลายแนวทางในการรักษา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเข้ารับการดูแลจากแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากแม้จะรักษาจนหายแล้ว ฝ้าเลือดก็ยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
1. รักษาฝ้าเลือดด้วยเลเซอร์
ใช้แสงเลเซอร์ยิงไปที่ผิวที่เป็นฝ้า เพื่อหยุดการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสี ทำให้ผลิตเม็ดสีน้อยลง และยังช่วยลดเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังที่เป็นสาเหตุของฝ้าเลือดด้วย วิธีนี้ปลอดภัย พักฟื้นน้อย
2.รักษาฝ้าเลือดด้วยคลื่นแสง IPL
คล้ายเลเซอร์ แต่ใช้แสงพลังงานต่ำ ยิงไปที่ผิวให้เม็ดสีดูดแสงและถูกทำลาย ผิวรอบข้างไม่เป็นอะไร วิธีนี้รักษาได้ทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึก แถมยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนให้ริ้วรอยตื้นขึ้น เส้นเลือดฝอยเล็กลงด้วย
3. รักษาฝ้าเลือดด้วย Rejuran
วิธีนี้คือการฉีดสารสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอนเข้าไปในผิวหนังของเรา ซึ่งสารสกัดนี้จะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน อิลาสติน และไฟโบรบลาสต์มากขึ้น สารเหล่านี้มีความสำคัญต่อการซ่อมแซมเซลล์ผิวที่เสียหาย ลดการอักเสบ ช่วยให้หลอดเลือดในผิวทำงานได้ดีขึ้น และทำให้โครงสร้างคอลลาเจนในผิวแข็งแรงขึ้น ผลที่ได้คือผิวจะดูสุขภาพดีขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ผิวมีปัญหาจากการอักเสบ โดยเฉพาะฝ้าเลือด มักจะฉีดในบริเวณที่มีปัญหา เช่น ใต้ตา แก้ม หน้าผาก และลำคอ หลังจากการฉีด อาจจะมีตุ่มนูนเล็ก ๆ เกิดขึ้นประมาณ 1-3 วันแล้วจะค่อย ๆ หายไป
4. รักษาฝ้าเลือดด้วยมาเด้คอลลาเจน
วิธีนี้เป็นการฉีดวิตามิน แร่ธาตุ และคอลลาเจนเข้าไปในผิว โดยใช้เทคนิคการฉีด 16 จุด ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลืองในผิว ทำให้ผิวได้รับสารอาหารมากขึ้น ช่วยยับยั้งสารอนุมูลอิสระที่เป็นตัวทำลายผิว เติมสารอาหารที่จำเป็น และช่วยขับสารพิษออกจากผิว เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย มีปัญหาฝ้า กระ หรือจุดด่างดำ การฉีดมาเด้คอลลาเจนจะช่วยฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดการอักเสบ และทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น
5. รักษาฝ้าเลือดด้วยการทำดริปวิตามิน
การดริปวิตามิน คือการให้สารละลายน้ำเกลือที่มีวิตามินผสมอยู่ ผ่านทางหลอดเลือดดำ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายและผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ดูกระจ่างใสขึ้น และช่วยฟื้นฟูสภาพผิวจากภายใน อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับสูตรวิตามินที่เลือกใช้ และควรอยู่ภายใต้การดูแลของหมอผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
6. รักษาฝ้าเลือดด้วยยารักษาฝ้า
ยารักษาฝ้าที่นิยมใช้กัน เช่น Tranexamic Acid หรือที่รู้จักกันในชื่อทรานซามิน มีฤทธิ์ในการยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นสาเหตุของฝ้า ยานี้มีทั้งแบบรับประทาน แบบฉีด และแบบครีมทาภายนอก จากการศึกษาพบว่า ยาทรานซามินแบบรับประทานในขนาด 500-750 มิลลิกรัมต่อวัน จะเห็นผลค่อนข้างชัดเจนภายใน 4 สัปดาห์ ส่วนแบบฉีดและแบบครีมทา จะเห็นผลเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องประมาณ 8 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ ทรานซามินเป็นยาที่ต้องสั่งจ่ายโดยหมอเท่านั้น เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ เช่น ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน และปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น ดังนั้นจึงไม่ควรซื้อยามาใช้เองโดยเด็ดขาด
7. รักษาฝ้าเลือดด้วยสกินแคร์
ในครีมบำรุงผิว มีสารสำคัญหลายอย่างที่ช่วยให้ฝ้าและจุดด่างดำจางลงได้ ดังนี้
- อัลฟา-อาร์บูติน เหมือนตัวช่วยบล็อกไม่ให้ผิวสร้างเม็ดสีเยอะเกินไป ทำให้ฝ้าและจุดด่างดำค่อย ๆ จางลง ผิวก็ดูใสขึ้นด้วย
- ไนอะซินาไมด์ ช่วยลดรอยดำ รอยแดง ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น สีผิวก็ดูสม่ำเสมอ
- โคจิก แอซิด ช่วยลดความเข้มของฝ้าและจุดด่างดำ โดยไปยับยั้งการสร้างเม็ดสี
- ไกลโคลิก แอซิด (AHA) เหมือนตัวผลัดเซลล์ผิวที่มีฝ้าออกไป ทำให้ผิวดูใสขึ้น
- สารสกัดจากชะเอมเทศ ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี ลดการอักเสบ แถมยังให้ความชุ่มชื้นกับผิวด้วย
- วิตามินซี เป็นเหมือนเกราะป้องกันผิว ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดฝ้าและจุดด่างดำ
- ทราเนซามิก แอซิด ตัวนี้ช่วยลดการสร้างเม็ดสีและลดฝ้าได้ดี
- เรตินอล ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างเซลล์ใหม่ ลดฝ้า ริ้วรอย และทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- เซราไมด์ เหมือนเสริมเกราะให้ผิวแข็งแรง ลดการระคายเคือง
8. รับคำปรึกษากับแพทย์ผิวหนัง
เพื่อการรักษาฝ้าเลือดที่ได้ผลและปลอดภัย ควรปรึกษาหมอผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากหมอสามารถวินิจฉัยสาเหตุและประเมินสภาพผิวได้อย่างแม่นยำ เข้าใจกลไกการเกิดฝ้าเลือด เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิด
ฝ้าเลือดต่างจากฝ้าแดด อย่างไรบ้าง
ฝ้าแดด จะเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ขอบจะชัดเจน สาเหตุหลักคือโดนแดดนาน ๆ ซึ่งฝ้าเลือด ดูยากกว่า อาจจะเห็นเป็นเส้นเลือดฝอยเล็ก ๆ ร่วมด้วย สาเหตุหลักมาจากฮอร์โมน ผิวบาง หรือใช้ครีมอันตราย
วิธีดูแลผิวหน้าเมื่อเป็นฝ้าเลือด

การดูแลผิวหน้าเมื่อเป็นฝ้าเลือด เริ่มต้นด้วยการหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยการทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ แม้ในที่ร่ม และใช้ร่มหรือหมวกเป็นตัวช่วยเสริม ควบคู่ไปกับการเลิกใช้ครีมที่อาจเป็นอันตราย โดยเฉพาะครีมหน้าขาวที่ไม่ได้มาตรฐานและมีสารเคมีรุนแรง ควรเลือกใช้สกินแคร์บำรุงผิวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระและสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อช่วยให้ฝ้าค่อย ๆ จางลง รวมถึงการใช้เวชสำอางที่ช่วยลดเม็ดสีผิวอย่างอ่อนโยน และการบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ โดยเฉพาะสูตรที่มีฤทธิ์ลดการอักเสบ
วิธีป้องกันไม่ให้เป็นฝ้าเลือด มีวิธีไหนบ้าง

อยากให้ผิวหน้าไม่เป็นฝ้าเลือด ต้องเริ่มจากการดูแลตัวเองดี ๆ หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดฝ้า และถ้าเป็นแล้ว ควรรีบไปหาหมอผิวหนัง อย่าซื้อยามาทาเอง เพราะอาจทำให้แย่ลงได้
- เลี่ยงแดดจัด ทาครีมกันแดด: ทาครีมกันแดดให้ทั่วหน้าและคอ ประมาณ 2 นิ้วมือ ก่อนออกแดด 30 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
- ใส่หมวก กางร่ม: ถ้าต้องออกไปกลางแจ้ง ควรใส่หมวกปีกกว้าง ๆ หรือกางร่มที่มีสารกันยูวี เพื่อป้องกันแดดทำร้ายผิว
- เลิกใช้ครีมอันตราย: อย่าใช้ครีมที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีสารแรง ๆ เช่น ไฮโดรควิโนน, ปรอท, หรือสเตียรอยด์
- ดูแลสุขภาพ: นอนหลับให้พอ ลดความเครียด, กินอาหารมีประโยชน์, ออกกำลังกาย, และดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อให้ฮอร์โมนสมดุล
ฝ้าเลือดอันตรายไหม?
ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แค่มีผลต่อความสวยงามและความมั่นใจ แต่คนที่กำลังรักษาอาจมีผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ไฮโดรควิโนน หรือเตรทติโนอิน
คำถามที่พบได้บ่อย (FAQs)
รักษาฝ้าเลือดเองได้ไหม?
ทำได้โดยใช้ครีมบำรุง แต่ควรปรึกษาหมอผิวหนังก่อน เพื่อเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
ใครเสี่ยงเป็นฝ้าเลือดมากสุด?
คนที่โดนแดดบ่อย ๆ ไม่ทาครีมกันแดด มักเป็นผู้ชายและผู้หญิงอายุ 30-40 ปีขึ้นไป และคนที่มี ฮอร์โมนไม่สมดุล เช่น ผู้หญิงมีประจำเดือนหรือตั้งครรภ์
ฝ้าเลือดกินอะไรหาย?
อาหารที่ช่วยลดและป้องกันฝ้าเลือดได้ดีคือ ผลไม้รสเปรี้ยว (ส้ม มะนาว), ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่, มะเขือเทศ, ปลาแซลมอน, แอปเปิล (โดยเฉพาะเปลือก), เนื้อแดง, ผักใบเขียว, ฟักทอง, เห็ด, อะโวคาโด, ถั่วต่างๆ, น้ำมะพร้าว และทับทิม อาหารเหล่านี้มีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงผิว ลดจุดด่างดำ และเสริมสร้างคอลลาเจน
ฝ้าเลือด หายเองได้ไหม?
ฝ้าเลือดมักไม่หายเองสนิทถ้าไม่ดูแลรักษาอย่างถูกวิธี แต่ถ้าเข้าใจสาเหตุและรักษาตรงจุด เช่น ใช้ยา เลี่ยงแดด และดูแลผิวอย่างเหมาะสม ก็ช่วยให้ฝ้าจางลงและควบคุมได้ การดูแลตัวเองต่อเนื่องและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นสำคัญมาก
วิตามินอะไร ช่วยแก้ฝ้าเลือดได้บ้าง?

วิตามินและสารอาหารที่ช่วยลดฝ้าเลือด ได้แก่ วิตามินซี (ต้านอนุมูลอิสระ ลดเม็ดสี), วิตามินอี (ปกป้องผิว ลดอักเสบ), วิตามินบี3 (ลดเม็ดสี เสริมเกราะป้องกัน), วิตามินเอ (ผลัดเซลล์ผิว), เบต้าแคโรทีน, โพลีฟีนอล, แอนโธไซยานิน (จากผักผลไม้สีเข้ม), และน้ำมันปลา (ลดการอักเสบ) การกินอาหารที่มีวิตามินเหล่านี้ควบคู่กับการดูแลผิวและเลี่ยงแดดจะช่วยให้ฝ้าจางลงและผิวแข็งแรงขึ้น
สรุป
ฝ้าเลือดเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง มีสาเหตุหลักจากการถูกแดดนาน ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง และการใช้ครีมที่มีสารอันตราย วิธีรักษามีทั้งเลเซอร์ IPL และการใช้สกินแคร์ที่เหมาะสม ในการดูแลป้องกันควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงแดดจัด และใช้ผลิตภัณฑ์อ่อนโยน หากมีปัญหาฝ้าเลือดรบกวนใจ ลลิษาคลินิกพร้อมให้คำปรึกษาและการรักษาโดยหมอผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยที่เข้าใจกลไกการเกิดฝ้าเลือดอย่างแท้จริง
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน) และ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น 4