ผิวขาดน้ำ คืออะไร? แก้ยังไงดี

ผิวขาดน้ำ คืออะไร? แก้ยังไงดี

ผิวขาดน้ำ หรือ Dehydrated Skin คือสภาพผิวที่ขาดน้ำ ไม่ใช่การขาดน้ำมันอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด ทำให้ผิวดูไม่สดใส ลอกเป็นขุย และอาจรู้สึกคันหรือระคายเคืองได้ง่าย สาเหตุหลักมาจากการที่ผิวสูญเสียน้ำไปมากกว่าที่ได้รับ บทความนี้หมอตาลจะพามาดูกันว่า ผิวขาดน้ำอาการเป็นอย่างไร สาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง และจะฟื้นฟูผิวให้กลับมาอิ่มน้ำได้อย่างไรบ้าง

ทำความเข้าใจ! ผิวขาดน้ำ

ผิวขาดน้ำ (Dehydrated skin) คือภาวะที่ผิวมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน ไม่สดใส และขาดความยืดหยุ่น อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกประเภทของสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้งหรือผิวมันก็ตาม

ผิวขาดน้ำเป็นยังไง

ผิวขาดน้ำจะรู้สึกแห้งกร้าน และไม่ชุ่มชื้น เมื่อสัมผัสจะรู้สึกได้ว่าผิวไม่เรียบเนียน นอกจากนี้ อาจมีอาการผิวแดง หรือระคายเคืองง่าย ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ และเกิดริ้วรอย ได้ง่ายขึ้น โดยอีกหนึ่งข้อสังเกตคือ เมื่อแต่งหน้า เครื่องสำอางจะไม่ค่อยติดทน หรือเป็นคราบง่ายนั่นเอง

ผิวขาดน้ำเกิดจากอะไร

สาเหตุ ผิวขาดน้ำ

ผิวขาดน้ำเกิดจากหลายปัจจัย ทั้งจากภายในและภายนอก ดังนี้

ปัจจัยภายใน ได้แก่

  • อายุที่เพิ่มขึ้น
  • โรคผิวหนังบางชนิด

ปัจจัยภายนอก ได้แก่

  • สภาพอากาศที่แห้งและมีความชื้นต่ำ
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่รุนแรง
  • การดื่มน้ำน้อย
  • การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การโดนแสงแดดทำร้ายผิวโดยไม่มีการป้องกัน

ผิวขาดน้ำกับผิวแห้งต่างกันยังไง

ความแตกต่างผิวขาดน้ำ ผิวแห้ง

ผิวขาดน้ำและผิวแห้งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ผิวขาดน้ำคือภาวะที่ผิวไม่ได้รับความชุ่มชื้นอย่างเพียงพอ ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและไม่สดใส แม้ว่าต่อมไขมันจะยังทำงานปกติหรืออาจจะผลิตน้ำมันมากขึ้นเพื่อชดเชยก็ตาม ภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะเป็นคนผิวมัน ผิวผสม หรือผิวแห้งเองก็สามารถขาดน้ำได้

ในทางตรงกันข้าม ผิวแห้งเป็นสภาพผิวประเภทหนึ่งที่เกิดจากต่อมไขมันทำงานน้อยเกินไป ทำให้ผิวขาดทั้งน้ำและน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้ผิวแห้งตึงและอาจเกิดการลอกเป็นขุยได้ง่ายกว่าผิวที่ขาดน้ำ

ผิวขาดน้ำปล่อยไว้ส่งผลกระทบต่อผิวอย่างไร

เมื่อผิวขาดน้ำและไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม จะส่งผลกระทบหลายประการ เช่น ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ผิวจะแห้งและระคายเคืองง่าย แต่งหน้าไม่ติดทน รูขุมขนดูกว้างขึ้น และผิวสูญเสียความยืดหยุ่นจนดูแก่ก่อนวัยได้

วิธีดูแลผิวแก้ปัญหาผิวขาดน้ำ

วิธีการดูแลผิวขาดน้ำ

เพื่อดูแลและฟื้นฟูผิวขาดน้ำให้กลับมาชุ่มชื้นอีกครั้ง ควรเริ่มต้นจากการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดแต่สำคัญที่สุด เพราะน้ำช่วยเติมความชุ่มชื้นจากภายใน
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื้น โดยมองหาส่วนผสมที่ช่วยกักเก็บน้ำให้ผิว เช่น ไฮยาลูโรนิก แอซิด
  • เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงสบู่หรือสารเคมีที่รุนแรง เพราะจะทำให้ผิวแห้งยิ่งขึ้น
  • ใช้มอยส์เจอไรเซอร์และครีมกันแดดเป็นประจำ มอยส์เจอไรเซอร์จะช่วยล็อกความชุ่มชื้นไว้ในผิว ส่วนครีมกันแดดช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดที่ทำให้ผิวสูญเสียน้ำ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับที่ดีจะช่วยให้ผิวฟื้นฟูตัวเองได้เต็มที่
  • หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่ทำให้ผิวแห้ง เช่น อากาศหนาวจัด แสงแดดจัด หรือห้องที่มีเครื่องปรับอากาศและฮีตเตอร์ตลอดเวลา

แนวทางป้องกันไม่ให้ผิวขาดน้ำ

การป้องกันไม่ให้ผิวขาดน้ำ

เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวขาดน้ำ ควรดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอและปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ดังนี้

  • เติมความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เสมอ ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำเพื่อช่วยกักเก็บน้ำไว้ในผิว
  • ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ การดื่มน้ำสะอาดตลอดทั้งวันช่วยให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน
  • เลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะกับสภาพผิวและไม่ทำร้ายผิว
  • ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน หลีกเลี่ยงการขัดผิวแรง ๆ หรือใช้สารทำความสะอาดที่รุนแรง
  • ป้องกันปัจจัยภายนอก หลีกเลี่ยงแสงแดด มลภาวะ และอากาศแห้ง ซึ่งเป็นสาเหตุให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น

รวมคำถามที่หมอพบบ่อย

ผิวขาดน้ำ รูขุมขนกว้าง ใช้อะไรดี

เมื่อผิวขาดน้ำจนทำให้รูขุมขนดูกว้างขึ้น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นการเติมความชุ่มชื้น ควบคู่ไปกับการควบคุมความมันและการกระชับรูขุมขนไปพร้อมกัน ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่แนะนำได้แก่ คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนที่ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง, เซรั่มหรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมช่วยเติมน้ำและกระชับรูขุมขน และกันแดดสูตร Oil-free ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน นอกจากนี้ การมาสก์หน้าด้วยไฮโดรเจลก็ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้ดี

ผิวขาดน้ำ ใช้อะไรดี

สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวขาดน้ำโดยไม่มีปัญหาอื่น ๆ ร่วมด้วย ควรเน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมน้ำและฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรงขึ้น เช่น คลีนซิ่งเจลที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นผิวไม่ให้แห้งตึง รวมถึงมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมสำคัญอย่าง Panthenol, Glycerin หรือ Hyaluronic Acid นอกจากนี้ การดื่มน้ำให้เพียงพอและทาครีมกันแดดเป็นประจำก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันผิวจากความเสียหายได้

ผิวขาดน้ำใช้เวลารักษานานหรือไม่

ระยะเวลาในการฟื้นฟูผิวขาดน้ำนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้ว หากดูแลผิวอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ผิวจะเริ่มดีขึ้นภายในไม่กี่สัปดาห์ถึงหนึ่งเดือน โดยจะเริ่มสังเกตได้ว่าผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น เนียนนุ่ม และดูมีสุขภาพดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ผิวขาดน้ำทำให้ใบหน้าคล้ำจริงหรือไม่

ผิวขาดน้ำเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและไม่สดใส เมื่อผิวขาดน้ำจะทำให้สูญเสียความยืดหยุ่นและการผลัดเซลล์ผิวไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้สีผิวไม่สม่ำเสมอและใบหน้าดูหมองคล้ำกว่าปกติได้ ดังนั้น การดูแลผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่งและสุขภาพดี

สรุป

ปัญหาผิวขาดน้ำสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ เพียงแค่เราเข้าใจสาเหตุและรู้วิธีดูแลที่ถูกต้อง โดยเริ่มจากการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว รวมถึงการป้องกันผิวจากปัจจัยภายนอกที่ทำให้ผิวแห้ง การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันควบคู่กับการดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผิวกลับมามีสุขภาพดีและชุ่มชื้นอีกครั้ง

หากมีปัญหาผิวขาดน้ำที่รุนแรงและต้องการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ คลินิกผิวหนังลลิษา พร้อมให้บริการตรวจวิเคราะห์สภาพผิวและแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้ เพื่อให้ผิวกลับมาชุ่มชื้นและเปล่งปลั่งอย่างยั่งยืน

แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูลผิวขาดน้ำ

healthline. Dehydrated Skin: Symptoms, vs. Dry Skin, Test, Treatments, and More. Medically reviewed by Cynthia Cobb, DNP, APRN, WHNP-BC, FAANP. Written by Kristeen Cherney. October 23, 2023.
https://www.healthline.com/health/dehydrated-skin

บทความโดย

ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว

ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่คลินิกผิวหนังลลิษา ได้ ฟรี!! ทุกสาขา