คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
กินยาคุมแล้วสิวขึ้นเยอะมาก เกิดจากอะไร? ต้องทำอย่างไรดี
กินยาคุมแล้วสิวขึ้นนั้นเป็นปัญหาของผู้หญิงในหลาย ๆ คน ซึ่งสามารถเกิดได้หลายสาเหตุ เนื่องจากยาคุมแต่ละยี่ห้อมีสัดส่วนของฮอร์โมนที่แตกต่างกันออกไป บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจว่าทำไมกินยาคุมถึงทำให้เกิดสิวขึ้นได้ พร้อมทั้งวิธีการรักษาที่ถูกต้อง
ทำความรู้จัก ยาคุม คืออะไร มีกี่ประเภท
ยาคุมคือ ยาคุมกำเนิดสำหรับผู้หญิงที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศหญิง อย่างเอสโตรเจน (Estrogen) และสเตอโรน (Progesterone) มีฤทธิ์ในการทำงานของระบบสืบพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นการยับยั้งการตกไข่ และป้องกันการตั้งครรภ์ โดยยาคุมสามารถแบ่งประเภทได้ทั้งหมด 2 ประเภท ดังนี้
1. ยาคุมกำเนิดแบบรวม
เป็นยาคุมที่นิยมทานกันทั่วไป ประกอบด้วยส่วนผสมของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ โดยหากต้องการให้ได้รับประสิทธิภาพสูงจะต้องทานเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยาคุมยังมีฤทธิ์ในการปรับความสมดุลของให้ประจำเดือนมาตรงเวลา และยังช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้
2. ยาคุมกำเนิดตัวยาโปรเจสติน
ยาคุมที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนโปรเจสตินอย่างเดียว โดยมีทั้งหมด 28 เม็ดในหนึ่งแผง สามารถทานได้ทุกวัน และหากทานหมดแผงสามารถเริ่มทานแผงใหม่ได้ทันที อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการลดระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย รวมถึงยาคุมชนิดนี้ยังเหมาะสำหรับผู้หญิงที่กำลังให้นมบุตร
สาเหตุที่ทำให้กินยาคุมแล้วสิวขึ้นเกิดจากอะไร?
การกินยาคุมแล้วสิวขึ้น สาเหตุนั้นเกิดได้หลายปัจจัย เนื่องจากยาคุมแต่ละยี่ห้อมีสัดส่วนของฮอร์โมนที่แตกต่างกันออกไปซึ่งอาจทำให้ระดับของฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งส่งผลต่อการเกิดสิวอุดตัน หรือยาคุมบางตัวมีส่วนผสมของ “Desogestrel” ที่เพิ่มฮอร์โมนเพศชายจนทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันเยอะขึ้นส่งผลให้เกิดสิวได้ง่าย
อีกทั้งในช่วงของการเริ่มต้นกินยาคุม อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เนื่องจากร่างกายยังไม่สามารถปรับระดับฮอร์โมนได้ โดยปกติสิวจะค่อย ๆ หายเมื่อมีการทานยาคุมต่อเนื่อง 1-3 แผง รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น มลภาวะทางอากาศ การใช้เครื่องสำอางก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดสิว
กินยาคุมแล้วสิวขึ้นที่บริเวณไหนบ้าง
โดยทั่วไปการกินยาคุมสามารถทำให้เกิดสิวได้ทั่วบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณคาง ที่เป็นบริเวณที่เกิดสิวได้บ่อย บริเวณริมฝีปากที่อาจเกิดสิวได้เช่นกัน นอกจากนี้บริเวณที่เกิดสิวยังสามารถพบได้ที่หน้าผาก หรือแก้มได้อีกด้วย
กินยาคุมรักษาสิว ต้องเริ่มกินอย่างไร
การกินยาคุมรักษาสิวจะต้องมีการปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อให้แพทย์ได้เลือกยาคุมที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละบุคคล โดยการกินยาคุมเพื่อรักษาสิว สามารถกินได้เหมือนกับกินยาคุมทั่ว ๆ ไป คือกินวันละ 1 เม็ดต่อครั้งตามลูกศรจนหมดแผง เริ่มกินตั้งแต่ในวันแรกที่มีประจำเดือน ทั้งนี้หากมีการลืมกินในวันแรก สามารถเริ่มกินได้ภายใน 5 วันของการมีประจำเดือน และเมื่อกินยาคุมแผงแรกจนหมดสามารถเริ่มกินแผงต่อไปได้ทันที ยกเว้นถ้าหากทานยาคุมชนิด 21 เม็ด จะต้องมีการเว้นระยะห่างการกินยา 7 วันก่อนถึงจะเริ่มต้นกินยาแผงใหม่ได้ โดยสามารถทานได้วันที่ 8 ไม่ต้องสนว่าจะมีประจำเดือนอยู่หรือไม่
หลักการทำงานของยาคุมลดสิว ช่วยลดปัญหาสิวได้อย่างไร?
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวบนใบหน้าคือ ร่างกายมีระดับฮอร์โมนเพศชายที่มากจนเกินไป ซึ่งส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินปกติ จนกระตุ้นให้เกิดการอุดตันและทำให้เกิดสิวขึ้นบนใบหน้า
ดังนั้น การกินยาคุมลดสิวจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษาสิว เนื่องจากยาคุมจะมีส่วนผสมที่ประกอบไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน ซึ่งมีประสิทธิภาพในการช่วยลดระดับฮอร์โมนเพศชายในร่างกายกลับมาเป็นปกติ อีกทั้งยังช่วยปรับสมดุลการทำงานของต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกจากร่างกายได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้รูขุมขนไม่เกิดไขมันอุดตัน รวมถึงช่วยลดการเกิดสิวขึ้นได้
กินยาคุมแล้วสิวขึ้นอันตรายไหม ?
การกินยาคุมแล้วสิวขึ้นอันตรายไหม? คำตอบคือ ไม่ถือว่าเป็นเรื่องอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วสิวจะค่อย ๆ หายไปเมื่อร่างกายปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกายได้ ทั้งนี้เมื่อมีอาการรุนแรงมากขึ้นควรรีบเข้าไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อหาสาเหตุของการเกิดสิว
แก้ปัญหา กินยาคุมแล้วสิวขึ้น ได้อย่างไรบ้าง
วิธีแก้ปัญหาหาเมื่อกินยาคุมแล้วสิวขึ้น สิ่งแรกเมื่อต้องรับประทานยาคุมจำเป็นจะต้องเลือกยาคุมที่เหมาะสมกับฮอร์โมนในร่างกายของตัวเอง เพราะผู้หญิงแต่ละคนจะมีระดับฮอร์โมนที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรเพื่อให้คำแนะนำในการเลือกใช้ยาคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง
นอกจากนี้การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวหนัง ยังสามารถช่วยลดการเกิดสิวได้อีกด้วย พร้อมกันนี้การรักษาสิวจะต้องใช้เวลาฟื้นฟู ควรอดทนและรอเวลาในการรักษา ควรที่จะผ่อนคลาย และไม่รู้สึกเครียด เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้ฮอร์โมนสูงขึ้นจนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวขึ้นได้
ทานยาคุมลดสิว กี่เดือนเห็นผล
การทานยาคุมเพื่อลดสิว แต่ละคนจะมีระยะเวลาที่ได้ผลลัพธ์แตกต่างกันไปซึ่งขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และระดับฮอร์โมนในร่างกาย ทั้งนี้โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 2-3 เดือน ถึงจะเริ่มเห็นอย่างชัดเจน ผิวพรรณเริ่มดีขึ้น สิวเริ่มลดลง
ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยาคุมเพื่อลดสิว
การใช้ยาคุมเพื่อลดสิว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีของสาวหลาย ๆ คน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะสามารถใช้ยาคุมเพื่อรักษาสิวได้ เนื่องจากยาคุมมีส่วนผสมของฮอร์โมนที่อาจส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้ ดังนั้นคนที่ควรหลีกเลี่ยงในการใช้ยาคุมเพื่อลดสิว มีดังนี้
- คนที่ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์ หรือยังไม่มีประจำเดือน
- ผู้หญิงที่มีการตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงที่กำลังให้นมบุตร
- ผู้ที่มีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป หรืออ้วนมาก
- ผู้ที่สูบบุหรี่ โดยเฉพาะคนที่อายุ 35 ปีขึ้นไป
- ผู้ที่มีประวัติลิ่มเลือดอุดตันบริเวณที่ขาหรือปอด
- ผู้ที่มีประวัติการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ
- ผู้ป่วยโรคหัวใจ หรือความดันโลหิตสูง
- ผู้ป่วยโรคมะเร็งต่าง ๆ โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม
- ผู้ป่วยโรคไมเกรน
- ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ผู้ป่วยโรคหัวใจ
- ผู้ป่วยโรคตับ
นอกจากยาคุมลดสิว มีวิธีรักษาสิวอะไรบ้าง
ถึงแม้ว่าการกินยาคุมจะช่วยลดในการเกิดสิว แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะสมกับทุกคน เนื่องจากหากต้องการใช้ยาคุมเพื่อรักษาให้สิวลดลง ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังโดยตรง ทั้งนี้การรักษาสิวยังมีอีกหลายวิธี ดังนี้
- ยาทารักษาสิว เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เหมาะสมสำหรับคนที่มีปัญหาสิวที่ไม่รุนแรง สามารถทาได้ทั้งใบหน้า หน้าอก และด้านหลัง โดยกลุ่มยาที่ช่วยในการฆ่าเชื้อ หรือ ยาที่มีส่วนผสม Benzoyl peroxide ที่ช่วยลดการระคายเคืองบริเวณที่เกิดสิว
- ยาทานรักษาสิว เป็นวิธีที่มีข้อจำกัดในการใช้ เนื่องจากการทานยาเพื่อรักษาสิวอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกาย ดังนั้นก่อนเริ่มทานควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการประเมินระดับความรุนแรง และเพื่อให้แพทย์ได้จัดสรรยารักษาสิวอย่างเหมาะสม
- โฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมช่วยลดสิว วิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าที่ทำขึ้นมาเพื่อรักษาสิวโดยเฉพาะ ดังนั้นการเลือกใช้โฟมควรเลือกจากสภาพผิว และปัญหาสิว เพื่อที่จะสามารถรักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผลิตภัณฑ์ครีมหรือเซรั่มที่มีส่วนผสมช่วยลดสิว อีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาสิว โดยการเลือกใช้สกินแคร์ หรือเซรั่มจะต้องหาส่วนผสมที่ดูแลสิวโดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของ วิตามินซี หรือสารสกัดจากธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยลดการอักเสบของสิว พร้อมทั้งบำรุงผิวหน้าอีกด้วย
- กดสิว ถึงแม้การกดสิวจะเป็นวิธีที่รักษาโดยปลายเหตุเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เพราะการกดสิวจะช่วยดึงหัวสิวที่อุดตันออกมา ส่งผลให้เม็ดสิวสามารถยุบตัวลงได้ แต่วิธีนี้ควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่มีความปลอดภัย เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการเกิดรอยแผลเป็น
- ฉีดสิว วิธีที่ใช้ในการรักษาสิวอีกหนึ่งวิธี โดยจะมีการฉีดยาที่มีสารคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เข้าไปที่ตุ่มสิว เพื่อลดการอักเสบของสิวให้ยุบตัวลง
- เลเซอร์สิว ในปัจจุบันมีการใช้เลเซอร์ในการรักษาสิวมากขึ้น ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาของสิวแต่ละชนิดที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้แสงสีน้ำเงินและแสงสีแดงที่ช่วยลดการอักเสบของสิว การใช้เลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ที่ช่วยลดการอุดตันบนรูขุมขน เป็นต้น
ดังนั้น ในปัจจุบันการรักษาสิวมีด้วยกันอย่างหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันออกไป และเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้หากอาการสิวยังไม่ดีขึ้น หรือมีการอักเสบที่มากผิดปกติ แนะนำควรรีบเข้าไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อทำการรักษาสิว อย่าง LaLiZA Clinic ที่จะมีทีมแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางคอยให้คำปรึกษา และการดูอย่างใกล้ชิดด้วยการรักษาที่เหมาะสมแต่ละสภาพผิวของแต่ละบุคคล
คำถามที่พบบ่อย
กินยาคุมแล้วสิวขึ้น ควรหยุดกินไหม ต้องหยุดกินตอนไหน?
การกินยาคุมอาจจะทำให้มีการเกิดสิวในช่วงแรก ซึ่งสิวจะลดลงเมื่อผ่านระยะเวลาไป 2-3 เดือน แต่หากพบว่าอาการยังไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อหาสาเหตุ และเปลี่ยนแปลงวิธีการรักษาอย่างเหมาะสมที่สุด
ยาคุมช่วยลดสิว รักษาสิวได้จริงไหม?
ยาคุมกำเนิดสามารถช่วยลดสิวได้จริง โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีปัญหาในเรื่องของฮอร์โมนเพศชายที่มากเกินไป ส่งผลให้ต่อมไขมันเกิดการผลิตน้ำมันที่มากเกินไป โดยยาคุมจะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนให้เหมาะสม ทั้งนี้ควรใช้ยาคุมภายใต้คำแนะนำของแพทย์เสมอ
กินยาคุมนาน ๆ มีผลเสียอย่างไร?
กินยาคุมนาน ๆ อาจมีผลเสียต่อสุขภาพ เช่น อาการคลื่นไส้ เวียนหัว และเจ็บหน้าอกที่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงเริ่มต้นทานยาคุมและจะกลับมาเป็นปกติเมื่อเข้าสู่เดือนที่ 2-3 บางรายอาจจะมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถหายได้เมื่อมีอาการหยุดกินยาคุม
สรุป
การกินยาคุมแล้วสิวขึ้น เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงแรก เนื่องจากระดับฮอร์โมนที่ไม่สม่ำเสมอในร่างกาย ทั้งนี้ เมื่อทานยาคุมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 2-3 เดือน ร่างกายจะปรับสมดุลของฮอร์โมนให้เหมาะสม จนทำให้สิวลดลงได้เอง
อย่างไรก็ตาม ควรเลือกกินยาคุมที่เหมาะสมต่อร่างกายของตัวเอง ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาสิว หรือผลข้างเคียงจากการกินยาคุมชนิดเดิม และหากมีปัญหาสิวที่มากขึ้น ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง ซึ่ง LaLiZA Clinic คลินิกสิวที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านผิวหนังคอยให้คำแนะนำ มาพร้อมด้วยนวัตกรรมที่ทันสมัย ปลอดภัย และได้รับการรองรับมาตรฐาน คอยให้คำปรึกษา และดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด
แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูล กินยาคุมแล้วสิวขึ้น
webmd. Birth Control for Acne. by Stephanie S. Gardner,March 06, 2024.Rebecca Buffum Taylor.
https://www.webmd.com/skin-problems-and-treatments/acne/birth-control-for-acne-treatment
healthline. Birth Control for Acne: How It Works, Options, and More Uses.by Debra Rose Wilson,AHN-BC, Ph.D., R.N., MSN, IBCLC, CHT . Natalie Silver — on May 9, 2023.
https://www.healthline.com/health/best-birth-control-for-acne
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน)