เลเซอร์หน้าใส เผยผิวกระจ่างใส เลือกแบบไหน ให้เหมาะกับปัญหาผิว

Laser facial brightening

เลเซอร์หน้าใส หัตถการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะช่วยแก้ปัญหาผิวได้หลากหลายและเผยผิวที่ดูกระจ่างใสขึ้นได้จริง แต่ด้วยเทคโนโลยีเลเซอร์ที่มีมากมาย การเลือกให้เหมาะสมกับปัญหาผิวจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและตรงจุด

เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกเลเซอร์หน้าใสได้อย่างมั่นใจ บทความนี้หมอตาลจะพาไปทำความรู้จักกับเลเซอร์ยอดนิยมแต่ละชนิด พร้อมทั้งแนะนำว่าเลเซอร์แบบไหนเหมาะกับปัญหาผิวแบบใดบ้าง

สาเหตุของการเกิดผิวหน้าหมองคล้ำ

สาเหตุผิวหมองคล้ำ

ผิวหน้าหมองคล้ำ เกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายในร่างกายและสิ่งแวดล้อมรอบตัว ดังนี้

  • แสงแดด
    การเผชิญกับแสงแดดจ้าเป็นเวลานานกระตุ้นให้ผิวสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้นเพื่อป้องกันตัวเอง ทำให้ผิวคล้ำเสีย สีไม่สม่ำเสมอ และเกิดจุดด่างดำตามมา
  • อากาศและมลภาวะ
    ทั้งอากาศที่เย็นและแห้ง รวมถึงการอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ ล้วนทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น แห้งกร้าน และหมองคล้ำ นอกจากนี้ มลภาวะต่าง ๆ เช่น ฝุ่น PM 2.5 และควัน ยังทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้เซลล์ผิวเปลี่ยนแปลงและดูหมองคล้ำขึ้น
  • เมื่ออายุมากขึ้น
    การผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินในผิวจะลดลงตามวัย ทำให้ผิวหย่อนคล้อย ขาดความชุ่มชื้น และผลัดเซลล์ผิวได้ช้าลง ส่งผลให้ผิวดูไม่สดใสและเกิดริ้วรอย
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ
    การนอนดึก อดนอน หรือนอนหลับไม่สนิท ทำให้กระบวนการซ่อมแซมผิวในเวลากลางคืนทำงานได้ไม่เต็มที่ ผิวจึงดูอ่อนล้าและหมองคล้ำ
  • ความเครียดสะสม
    ความเครียดเรื้อรังกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งอาจทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น เกิดสิว และทำให้ผิว ดูหมองคล้ำได้
  • การใช้สกินแคร์ไม่ถูกวิธี
    การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากเกินไป หรือใช้ส่วนผสมที่ไม่เข้ากัน อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง การอักเสบ และทำให้ผิวหมองคล้ำได้
  • การสูบบุหรี่
    ควันบุหรี่ทำลายออกซิเจนในผิว ทำให้ผิวแห้งและดูไม่มีชีวิตชีวา
  • การกินน้ำน้อย
    การดื่มน้ำน้อยก็ทำให้ผิวขาดน้ำ ดูซีดเซียวและหมองคล้ำ
  • การผลัดเซลล์ผิวที่ช้าลง
    เมื่อเซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่หลุดลอกออกไป ผิวจะดูหยาบกร้าน ไม่เรียบเนียน และหมองคล้ำ

เลเซอร์หน้าใส คืออะไร?

เลเซอร์หน้าใส คือเทคโนโลยีความงามที่ใช้แสงเลเซอร์พลังงานสูงยิงลงบนผิว เพื่อจัดการกับเม็ดสีเมลานินและเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำ ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใสขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วยลดรอยดำ รอยแดงจากสิว ฝ้า กระ และยังทำให้รูขุมขนกระชับขึ้นอีกด้วย เลเซอร์หน้าใสมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่เหมาะกับปัญหาผิวที่แตกต่างกันไป สิ่งสำคัญคือหลังจากทำเลเซอร์แล้ว ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดและดูแลผิวตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ทำเลเซอร์หน้าใส ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

  • เลเซอร์หน้าใสให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและสังเกตได้ชัดเจน โดยหลัก ๆ แล้ว เลเซอร์หน้าใสจะช่วยเรื่องดังนี้
  • ลดเลือนรอยดำ รอยแดงจากสิว และรอยแผลเป็น เผยผิวที่เรียบเนียน สม่ำเสมอ ไร้จุดด่างพร้อย
  • ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส เปล่งประกาย
  • กระชับรูขุมขน ให้ผิวหน้าดูละเอียด เนียนเรียบ น่าสัมผัส
  • ลดริ้วรอยเล็ก ๆ และร่องตื้น คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว สดใสกว่าที่เคย
  • เติมเต็มหลุมสิว ช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
  • ผลัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ให้ผิวดูสดใส สุขภาพดี รวดเร็วกว่าการบำรุงทั่วไป

ข้อดี เลเซอร์หน้าใส มีอะไรบ้าง

  • จัดการปัญหาผิวตรงจุด ลดรอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ และสีผิวไม่สม่ำเสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ผิวเรียบเนียน รูขุมขนกระชับ ช่วยให้ผิวหน้าดูละเอียด ไร้ความกังวลเรื่องรูขุมขนกว้าง
  • คืนความอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และร่องตื้น ให้ผิวดูสดใส อ่อนกว่าวัย
  • เติมเต็มหลุมสิว ช่วยให้ผิวที่เป็นหลุมสิวดูตื้นขึ้น ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
  • บูสต์ผิวใส เร่งด่วน กระตุ้นคอลลาเจนและเซลล์ผิวใหม่ ให้ผิวแข็งแรง กระจ่างใส รวดเร็วกว่าการบำรุงทั่วไป
  • สบายผิว ไม่ต้องพักฟื้น บางชนิดไม่ทำให้ผิวลอกหรือเป็นสะเก็ด สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • ผลลัพธ์ชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวหน้าอย่างรวดเร็ว

ข้อเสีย เลเซอร์หน้าใส มีอะไรบ้าง

  • ต้องทำต่อเนื่อง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อาจต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้ง
  • ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น บางเทคโนโลยีอาจทำให้ผิวตกสะเก็ดหรือลอกในช่วงแรก
  • ต้องดูแลหลังทำอย่างเคร่งครัด ต้องหลีกเลี่ยงแสงแดดอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันผิวคล้ำเสียหรือเกิดผลข้างเคียง

ใครที่เหมาะกับการทำเลเซอร์หน้าใส

ผู้ที่กับการทำเลเซอร์หน้าใส

ใคร ๆ ก็อยากมีผิวหน้าสวยใส เลเซอร์หน้าใสเลยเป็นตัวช่วยยอดฮิตสำหรับคนที่เจอปัญหาผิวเหล่านี้

  • คนที่มีผิวหน้าไม่สดใส คนที่รู้สึกว่าหน้าหมองคล้ำ ไม่เปล่งปลั่ง
  • คนที่มีรูขุมขนกว้าง ใครที่อยากให้รูขุมขนเล็กลง หน้าเนียนขึ้น
  • คนที่มีรอยสิว หลุมสิว คนที่อยากลบรอยแผลเป็นจากสิวให้จางลง
  • คนที่มีรอยดำ รอยแดง ฝ้า กระ ใครที่อยากจัดการกับจุดด่างดำบนใบหน้า
  • คนที่มีสีผิวไม่สม่ำเสมอ คนที่อยากให้สีผิวหน้าดูเรียบเนียนเสมอกัน
  • คนที่มีอยากหน้าใส ใครที่ต้องการเห็นผลลัพธ์เร็ว

เลเซอร์หน้าใส มีทั้งหมดกี่แบบ แบบไหนบ้าง

เลเซอร์หน้าใสมีหลายแบบที่นิยมใช้ในปัจจุบัน โดยแต่ละแบบจะมีหลักการทำงานและข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้

1. E-Matrix เลเซอร์

เลเซอร์ E-Matrix ทำงานโดยการใช้พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (RF) ส่งผ่านผิวหนังเพื่อสร้างจุดเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็น ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ผิวผลัดเซลล์เก่าออกไปและสร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน นอกจากนี้ พลังงาน RF ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวดูสดใสขึ้นและช่วยลดรอยหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้ ข้อดีของเลเซอร์ชนิดนี้คือมีความอ่อนโยนต่อสีผิว จึงมีความเสี่ยงน้อยที่จะทำให้ผิวไหม้ แต่หลังทำอาจจะต้องมีการพักฟื้นผิวเล็กน้อย และบางคนอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยระหว่างที่ทำ

2. Pico เลเซอร์

เลเซอร์ Pico เป็นเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานออกมาในระยะเวลาที่สั้นมาก ๆ ระดับพิโควินาที (Picosecond) ซึ่งทำให้สามารถเข้าไปทำลายเม็ดสีที่ผิดปกติได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึก โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อรอบข้าง จึงช่วยลดรอยดำ ฝ้า กระ และจุดด่างดำต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เลเซอร์ Pico ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใส และมีความกระชับมากขึ้น

3. CO2 Laser

CO2 Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้แสงเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 10600 นาโนเมตร ยิงเป็นจุดเล็ก ๆ นับพันจุดลงบนผิว ทำให้เกิดรูเล็ก ๆ บนผิวหนังชั้นนอกและชั้นใน ซึ่งรูเล็ก ๆ เหล่านี้จะกระตุ้นให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง โดยการสร้างเซลล์ผิวใหม่และคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน กระชับ และดูอ่อนเยาว์ขึ้น ช่วยให้หลุมสิวดูตื้นขึ้นและเรียบเนียนขึ้น ทั้งยังช่วยลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ บนใบหน้า

4. IPL เลเซอร์

ถึงแม้ว่า IPL (Intense Pulsed Light) จะไม่ใช่เลเซอร์แท้ ๆ แต่เป็นเทคโนโลยีที่ใช้แสงที่มีความเข้มข้นสูงและกระจายเป็นวงกว้างกว่าเลเซอร์ทั่วไป IPL จะช่วยในการจัดการกับเม็ดสีเมลานินที่อยู่ในผิวชั้นลึก โดยที่ไม่ทำร้ายผิวชั้นบน จึงช่วยลดปัญหาผิวหมองคล้ำ รอยแดงจากสิว กระชับรูขุมขน และยังสามารถช่วยรักษาสิวได้อีกด้วย จุดเด่นของ IPL คือมีความเจ็บน้อย และไม่จำเป็นต้องพักฟื้นหลังทำ แต่เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน อาจจะต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้ง

5. เลเซอร์ Dual Yellow

Dual Yellow Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ผสมผสานแสงเลเซอร์ 2 ชนิดเข้าด้วยกัน ได้แก่

  • แสงสีเหลือง (ความยาวคลื่น 578 นาโนเมตร) ช่วยจัดการปัญหาเรื่องรอยแดง เส้นเลือดฝอย และรอยดำ
  • แสงสีเขียว (ความยาวคลื่น 511 นาโนเมตร) ช่วยจัดการปัญหาเรื่องเม็ดสี เช่น ฝ้า กระ และจุดด่างดำ

ด้วยพลังงานที่เหมาะสม ทำให้ Dual Yellow Laser ไม่ทำลายผิวชั้นนอก จึงลดความเสี่ยงของการระคายเคือง สามารถจัดการปัญหาผิวได้ทั้งรอยแดง รอยดำ ฝ้า กระ และจุดด่างดำ กำหนดเป้าหมายในการรักษาได้อย่างแม่นยำ และได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา

6. Q-Switch เลเซอร์

Q-Switch Laser เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้คลื่นแสงพลังงานสูงในช่วงเวลาสั้นๆ (นาโนวินาที) ทำให้เม็ดสีแตกตัวและถูกกำจัดออกจากร่างกายอย่างเป็นธรรมชาติ มี 2 ความยาวคลื่น ได้แก่

  • คลื่นแสง 532 นาโนเมตร เหมาะสำหรับรอยโรคเม็ดสีที่อยู่ตื้น เช่น กระแดด ปานแดง และรอยสักสีแดง ช่วยให้ผิวชั้นตื้นกระจ่างใสขึ้น
  • คลื่นแสง 1064 นาโนเมตร เหมาะสำหรับรอยโรคเม็ดสีที่อยู่ลึก เช่น ฝ้า รอยสักสีดำหรือน้ำเงิน และรอยแผลเป็น สามารถลงลึกถึงชั้นหนังแท้ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียนและกระชับขึ้น

จุดเด่นของ Q-Switch Laser คือ การที่สามารถเลือกใช้ความยาวคลื่นที่เหมาะสมกับปัญหาผิวแต่ละประเภท ลบรอยสักได้หลากหลายสี โดยเฉพาะสีเข้ม ช่วยให้รอยดำ ฝ้า กระ และรอยแผลเป็นจางลง ทั้งยังช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์

เลเซอร์หน้าใส อันตรายไหม

การทำเลเซอร์หน้าใสมีความปลอดภัยหากทำโดยหมอผู้เชี่ยวชาญและเลือกชนิดเลเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิว แต่ก็มีความเสี่ยงและอันตรายได้หากดูแลไม่ถูกวิธีหรือทำในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน

การทำเลเซอร์หน้าใส เจ็บหรือไม่?

ความรู้สึกตอนทำเลเซอร์จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์ จะรู้สึกแค่เหมือนมีอะไรอุ่น ๆ แตะที่ผิว โดยทั่วไปจะมีการใช้ยาชา หรือเจลเย็น เพื่อลดอาการเจ็บ

เลเซอร์หน้าใส ต้องทำบ่อยแค่ไหน?

ผิวจะมีการผลัดเซลล์ผิวใหม่ทุก ๆ 4 สัปดาห์ ดังนั้น สามารถทำเลเซอร์หน้าใสได้บ่อยตามต้องการ แต่ควรเว้นระยะห่างระหว่างครั้งประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวได้พักฟื้น ทั้งนี้ควรทำการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการประเมินสภาพผิวและรับคำแนะนำที่เหมาะสม

เลเซอร์หน้าใส ต้องทำกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

โดยทั่วไปแล้ว จะเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ผิวจะดูใสขึ้นเล็กน้อย แต่ถ้าอยากให้เห็นผลชัดเจนและยาวนาน แนะนำให้ทำต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง ทั้งนี้ จำนวนครั้งในการทำเลเซอร์ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์และสภาพผิวของแต่ละคนด้วย

การเตรียมตัวก่อนทำ

เพื่อให้การเลเซอร์กำจัดขนมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ควรเตรียมตัวล่วงหน้าตามคำแนะนำดังนี้

  • งดการถอน แว็กซ์ หรือโกน หยุดการกำจัดขนด้วยวิธีเหล่านี้อย่างน้อย 1-4 สัปดาห์ก่อนเข้ารับบริการ เพื่อให้รากขนอยู่ในสภาพสมบูรณ์และดูดซับพลังงานเลเซอร์ได้เต็มที่
  • พักการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ (Retin-A), กรดผลไม้ (AHA, BHA, PHA), เรตินอยด์ และสารฟอกสี อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนทำ เพื่อป้องกันการระคายเคืองผิว
  • เลี่ยงแดดจัด ทาครีมกันแดด งดการสัมผัสแสงแดดโดยตรงอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนทำ และทาครีมกันแดด SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำเพื่อปกป้องผิว
  • งดใช้โรลออน/ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย ในวันที่เข้ารับบริการ ควรงดใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เพื่อป้องกันสารเคมีบางชนิดรบกวนการทำงานของเลเซอร์
  • แจ้งข้อมูลสุขภาพ หากมีโรคประจำตัวหรือกำลังใช้ยาใด ๆ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้าเพื่อความปลอดภัย
  • เลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ ตัดสินใจเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการทำเลเซอร์
  • แต่งกายสบาย ๆ ในวันนัดทำเลเซอร์ ควรแต่งหน้าบางเบาหรือไม่แต่งหน้าเลย และสวมเสื้อผ้าที่สะดวกต่อการเข้ารับบริการ

ขั้นตอนการทำเลเซอร์หน้าใส

ขั้นตอนทำเลเซอร์หน้าใส

การทำเลเซอร์หน้าใสไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ซึ่งขั้นตอนโดยรวมมีดังนี้

  1. ทำความสะอาดผิวหน้า เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดใบหน้าอย่างอ่อนโยน เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางออกให้หมดจด เป็นขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพื่อให้เลเซอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ปกป้องดวงตา สวมแว่นกันแสงหรือผ้าปิดตา เพื่อป้องกันดวงตาจากแสงเลเซอร์ที่อาจเป็นอันตราย เพราะความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ
  3. ทายาชาหรือเจลเย็น ทายาชาหรือเจลเย็นบนผิวหน้า เพื่อลดความรู้สึกเจ็บหรือแสบขณะทำเลเซอร์ บางคลินิกอาจใช้เครื่องเป่าลมเย็นร่วมด้วย เพื่อเพิ่มความสบาย
  4. ยิงเลเซอร์ หมอจะใช้เครื่องเลเซอร์ยิงแสงลงบนผิวหน้าบริเวณที่ต้องการรักษา อาจรู้สึกอุ่น ๆ หรือเจ็บเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับชนิดของเลเซอร์และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ในบางคลินิกอาจมีการยิงเลเซอร์ 3 รอบ โดยแต่ละรอบจะลงไปยังชั้นผิวที่แตกต่างกัน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ผลข้างเคียงของการทำเลเซอร์หน้าใส มีอะไรบ้าง

การทำเลเซอร์หน้าใสอาจมีผลข้างเคียงบ้างเล็กน้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะหายได้เองภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

  • ผิวแห้งและลอก ผิวอาจแห้งและลอกเป็นขุยเล็กน้อยในช่วง 5-7 วันแรกหลังทำเลเซอร์ ดังนั้น ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวเป็นประจำ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
  • ตกสะเก็ด เลเซอร์บางชนิดอาจทำให้เกิดสะเก็ดเล็ก ๆ บนผิว ซึ่งสะเก็ดจะหลุดออกเองภายใน 5-7 วัน ห้ามแกะหรือเกาเด็ดขาด
  • ผิวแดงและบวม ผิวอาจแดงและบวมเล็กน้อยหลังทำเลเซอร์ ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือวัน สามารถประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวมได้
  • สิวขึ้นหรือโรคผิวหนังกำเริบ ในบางกรณี อาจมีสิวขึ้นหรือโรคผิวหนัง เช่น เริม กำเริบ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีอาการผิดปกติ
  • ผิวคล้ำขึ้น ผิวอาจคล้ำขึ้นเล็กน้อยหลังทำเลเซอร์ ควรใช้ครีมกันแดด SPF สูง และทา Bleaching Cream ตามคำแนะนำของแพทย์

วิธีการดูแลตนเองหลังทำ

หลังทำเลเซอร์หน้าใส ผิวต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้ผิวฟื้นตัวได้เต็มที่และผลลัพธ์ที่ได้ออกมาดีที่สุด มาดูกันว่าต้องดูแลผิวอย่างไรบ้าง

  • หลบแดดให้ดี งดออกแดดจัด ๆ สัก 3-4 สัปดาห์ ทาครีมกันแดด SPF 30+ เป็นประจำทุกวัน อย่างน้อย 1 เดือน เพื่อป้องกันผิวคล้ำเสีย
  • ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่อ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม หรือสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผิวแพ้ง่าย
  • เติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทาครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นสูง เพื่อลดอาการแห้งและระคายเคือง
  • งดกิจกรรมที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง งดออกกำลังกายหนัก ๆ หรือกิจกรรมที่ทำให้ผิวเสียดสี ประมาณ 5 วัน และหลีกเลี่ยงการอบซาวน่า หรือแช่น้ำร้อน
  • ดื่มน้ำเยอะ ๆ ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นและฟื้นตัวได้ดี
  • งดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, วิตามินเอ, หรือไวท์เทนนิ่ง ประมาณ 5-7 วัน หรือหลังจากสะเก็ดหลุดแล้ว 5 วัน
  • ห้ามแกะเกา ห้ามแกะหรือเกาสะเก็ดที่เกิดขึ้น เพราะอาจทำให้เกิดแผลเป็น

เลเซอร์หน้าใสที่ไหนดี? พิจารณาอย่างไรให้ปลอดภัย

อยากมีผิวหน้าใส แต่ไม่รู้จะไปทำเลเซอร์ที่ไหนดี? ไม่ต้องกังวล มาดูเคล็ดลับการเลือกคลินิกเลเซอร์หน้าใสแบบง่าย ๆ มาฝาก ดังนี้

  • ความน่าเชื่อถือต้องมาอันดับหนึ่ง เลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน มีใบอนุญาตถูกต้อง ดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง เพื่อประกอบการตัดสินใจ
  • เทคโนโลยีทันสมัย คลินิกควรมีเครื่องเลเซอร์ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และทันสมัย เพราะจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ
  • หมอมีความเชี่ยวชาญ แพทย์ควรมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเลเซอร์ผิวหนัง สามารถให้คำแนะนำและดูแลผิวได้อย่างตรงจุด
  • ให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา แพทย์ควรให้คำปรึกษาอย่างละเอียด เพื่อแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ไม่ยัดเยียดคอร์สที่ไม่จำเป็น
  • คลินิกสะอาด ปลอดภัย คลินิกควรมีอุปกรณ์และเครื่องมือที่สะอาด ปลอดเชื้อ เพื่อความปลอดภัยของคนไข้

สำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกทำเลเซอร์หน้าใสที่ตอบโจทย์ ลลิษาคลินิกพร้อมดูแลปัญหาผิวของคนไข้ อย่างใส่ใจ พร้อมเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ทันสมัย และการบริการที่เป็นกันเอง

ใครควรเลี่ยงการทำเลเซอร์หน้าใส

ใครบ้างที่ควรเลี่ยงการทำเลเซอร์หน้าใส เพื่อความปลอดภัย

  1. ผู้ที่เคยทานยารักษาสิว Isotretinoin ควรเว้นระยะห่างก่อนทำเลเซอร์ เนื่องจากยาอาจทำให้ผิวบางลงและเสี่ยงต่อผลข้างเคียง
  2. ผู้มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน, ภูมิคุ้มกันบกพร่อง, หรือโรคเกี่ยวกับเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงในการติดเชื้อหรืออักเสบหลังทำเลเซอร์
  3. ผู้ที่มีประวัติแผลเป็นคีลอยด์ หรือเคยฉายรังสีบริเวณใบหน้า มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดแผลเป็นหรือผลข้างเคียงที่รุนแรง
  4. สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงเนื่องจากข้อมูลด้านความปลอดภัยยังมีจำกัด
  5. ผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย อาจเกิดอาการระคายเคือง, แสบร้อน, บวมแดง หรือรอยดำได้ง่ายหลังทำเลเซอร์
  6. ผู้ที่มีโรคผิวหนังติดเชื้อหรืออักเสบ ควรรักษาให้หายดีก่อนเข้ารับการทำเลเซอร์
  7. ผู้ที่มีประวัติไวรัสเริมที่ใบหน้า การทำเลเซอร์อาจกระตุ้นให้โรคกลับมาได้

ทำ เลเซอร์หน้าใส ราคาเท่าไหร่

ราคาทำเลเซอร์หน้าใส
โปรราคาทำเลเซอร์หน้าใส

รีวิว ทำเลเซอร์หน้าใส

สรุป

เลเซอร์หน้าใส สามารถแก้ไขปัญหาผิวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นรอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือรูขุมขนกว้าง โดยมีให้เลือกหลายประเภทตามความเหมาะสมกับปัญหาผิว การเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ มีหมอผู้เชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีทันสมัยเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งลลิษาคลินิกตอบโจทย์ด้วยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเทคโนโลยีเลเซอร์ล้ำสมัย และบริการเป็นกันเอง พร้อมดูแลผิวของคุณให้สวยใสอย่างมั่นใจ

บทความโดย

ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว

ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน) และ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น 4