ผื่นกุหลาบ เกิดจากอะไร? อันตรายไหม ดูแลรักษาอย่างไรให้หายไว

ผื่นกุหลาบ เกิดจากอะไร อันตรายไหม ดูแลรักษาอย่างไรให้หายไว

หลายคนอาจเคยตกใจกับผื่นสีชมพูหรือแดงที่ขึ้นตามลำตัวและแขนขา โดยเฉพาะเมื่อกระจายเป็นวงกว้างจนดูคล้ายโรคติดต่อร้ายแรง ความจริงแล้วอาการนี้อาจเป็น “ผื่นกุหลาบ” อย่างไรก็ตาม เพื่อความชัดเจนเรามีคำตอบมาให้ค่ะ

บทความนี้คลินิกผิวหนังลลิษาจะพาไปทำความรู้จักกับผื่นกุหลาบ ตั้งแต่ลักษณะอาการ สาเหตุที่อาจเกี่ยวข้อง ไปจนถึงวิธีดูแลรักษาให้หายเร็วจากแพทย์ผิวหนัง ที่สามารถช่วยลดความกังวล และทำให้คนไข้มั่นใจได้ว่าผื่นนี้ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอย่างที่คิด

รู้จัก! ผื่นกุหลาบ คืออะไร

ความหมาย ผื่นกุหลาบ

ผื่นกุหลาบ (Pityriasis Rosea) หรือที่บางคนเรียกว่า “โรคหัดดอกกุหลาบ” คือภาวะผื่นผิวหนังที่มักพบในวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้น อายุประมาณ 10–35 ปี เริ่มจากผื่นวงกลมสีชมพูแดง 1 จุดบนผิว เรียกว่า Herald patch และต่อมาจะกระจายเป็นผื่นเล็ก ๆ หลายจุดตามลำตัว แขน หรือขา ลักษณะคล้ายดอกกุหลาบ

สาเหตุของผื่นกุหลาบ

สาเหตุ ผื่นกุหลาบ

สาเหตุที่แท้จริงของผื่นกุหลาบยังไม่ชัดเจน แต่เชื่อว่ามีหลายปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดได้ โดยปัจจัยที่มักพบ ได้แก่

  • ภาวะภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้ผิวไวต่อการอักเสบ
  • การติดเชื้อไวรัสบางชนิด
  • การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด
  • ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
  • แมลงกัดต่อยหรือปัจจัยที่ระคายเคืองผิวหนัง

ผื่นกุหลาบ อาการเป็นอย่างไร?

อาการ ผื่นกุหลาบ

อาการของผื่นกุหลาบ สามารถแบ่งได้เป็น 2 ระยะหลัก ๆ โดยมีความแตกต่างของลักษณะผื่นและอาการที่พบ ดังนี้

1. ระยะแรก

เริ่มต้นด้วยผื่นวงกลมหรือวงรีสีชมพูแดง ขนาดใหญ่ประมาณ 2–5 เซนติเมตร เรียกว่า ผื่นนำ (Herald Patch) มักขึ้นบริเวณลำตัว เช่น หน้าอก ท้อง หรือแผ่นหลัง และบางครั้งอาจพบที่คอ หรือต้นแขนต้นขาได้ ผื่นลักษณะนี้จะมีขุยบาง ๆ ตรงกลาง และมักปรากฏก่อนผื่นอื่น ๆ ประมาณ 1–2 สัปดาห์

2. ระยะที่สอง

เมื่อผ่านไป 1–2 สัปดาห์หลังจากผื่นนำ จะมีผื่นขนาดเล็กกระจายตามลำตัว โดยเฉพาะที่หน้าอก หลัง และท้อง ลักษณะเป็นวงรี ขอบแดง และมีขุยตรงกลาง ผื่นเหล่านี้มักเรียงตัวตามแนวเส้นผิวหนัง (Langer’s line) ทำให้ดูคล้ายลายต้นคริสต์มาส (Christmas Tree Pattern) มักมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งความรุนแรงจะแตกต่างกันไปแต่ละคน

การวินิจฉัยโรคผื่นกุหลาบ

การวินิจฉัย ผื่นกุหลาบ ส่วนใหญ่ทำได้จากการสังเกตผื่นและซักประวัติผู้ป่วย แต่เนื่องจากผื่นบางลักษณะคล้ายโรคอื่น แพทย์จึงอาจต้องแยกโรค เช่น ซิฟิลิสระยะที่ 2, สะเก็ดเงินชนิดหยดน้ำ, กลาก หรือผื่นแพ้ยา เพื่อให้มั่นใจว่าผื่นที่เกิดขึ้นไม่ใช่โรคร้ายแรง ซึ่งมักแบ่งเป็นขั้นตอนดังนี้

1. ซักประวัติและตรวจร่างกาย

แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการคัน ระยะเวลาที่ผื่นเริ่มขึ้น และปัจจัยเสี่ยง เช่น การติดเชื้อก่อนหน้านี้ ความเครียด หรือการใช้ยาบางชนิด และตรวจลักษณะผื่นทั้ง ผื่นนำ (Herald Patch) และ ผื่นกระจาย (Secondary Eruption)

2. ประเมินการกระจายของผื่นระยะที่สอง

ตรวจดูว่าผื่นเล็ก ๆ เริ่มกระจายตามลำตัว แขน ขา หรือคอ และเรียงตัวตามแนวเส้นผิวหนัง (Langer’s line) หรือไม่ รวมถึงลักษณะของขุยตรงกลางและขอบแดง

3. ตรวจทางห้องปฏิบัติการ

หากสงสัยโรคผิวหนังอื่น เช่น กลาก หรือเกลื้อน แพทย์อาจขูดผิวหนังบริเวณผื่นเพื่อตรวจหาเชื้อรา

4. การตรวจเลือด

ในบางกรณี แพทย์อาจขอตรวจเลือดหรือทดสอบทางห้องปฏิบัติการเพื่อแยกโรคผื่นกุหลาบออกจากโรคผิวหนังอื่น ๆ เช่น โรคติดเชื้อ โรคภูมิแพ้ หรือผื่นจากยา

ผื่นกุหลาบ อันตรายไหม

หลายคนเห็นผื่นกุหลาบแล้วอาจตกใจ แต่ผื่นกุหลาบโดยทั่วไปไม่อันตรายและไม่ติดต่อ โดยผื่นมักค่อย ๆ ดีขึ้นและหายเองภายใน 6–8 สัปดาห์ ส่วนใหญ่จะไม่ทิ้งรอยแผลเป็น แต่บางรายอาจมีรอยแดงหรือคล้ำจาง ๆ อยู่บนผิวระยะหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม หากผื่นมีลักษณะผิดปกติ เช่น ผื่นขึ้นเร็วมาก มีหนองหรือปวดรุนแรง มีไข้สูง หรือสงสัยว่าเป็นโรคอื่นที่คล้ายผื่นกุหลาบ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้ชัดเจนค่ะ

ใครเสี่ยงเป็นโรคผื่นกุหลาบบ้าง?

ผื่นกุหลาบ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่กลุ่มที่มักพบได้บ่อยคือ วัยรุ่นและผู้ใหญ่ตอนต้น อายุประมาณ 10–35 ปี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบางอย่างที่เพิ่มความเสี่ยง เช่น

  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วย HIV หรือผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
  • ผู้ที่อยู่ในสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะฤดูหนาวและฤดูฝน หรือมีประวัติโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนมาก่อน
  • ผู้ที่มีความเครียดหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • ติดเชื้อไวรัสบางชนิด มีงานวิจัยพบว่าเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น Human herpesvirus 6 และ 7 อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดผื่นกุหลาบ
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกาย เช่น วัยรุ่นหรือผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน

วิธีรักษาผื่นกุหลาบ

วิธีรักษาผื่นกุหลาบ

สำหรับคนไข้ที่เป็นผื่นกุหลาบ หมอบอกเลยว่าโรคนี้ไม่อันตรายและมักหายเองได้ภายใน 6–8 สัปดาห์ แต่เราสามารถช่วยบรรเทาอาการและให้หายเร็วขึ้นได้ด้วยวิธีดังนี้

1. ดูแลผิวและรักษาความสะอาด

อาบน้ำอุ่น ไม่ร้อนเกินไป เพราะความร้อนอาจทำให้ผื่นคันมากขึ้น และใช้สบู่อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองผิว ทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวหลังอาบน้ำทันทีเพื่อป้องกันผิวแห้ง

2. บรรเทาอาการคัน

ทาครีมลดคัน เช่น ครีมที่มีสารสเตียรอยด์อ่อนในบริเวณที่คันมาก และบำรุงด้วยครีมบำรุงผิว (Emollient) เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น

3. ยารับประทาน

หากอาการคันรุนแรง หมออาจแนะนำให้ใช้ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamines) เพื่อบรรเทาอาการคันเฉพาะกรณีที่มีอาการรุนแรงหรือผื่นกระจายเยอะ

4. ปรับพฤติกรรมและปัจจัยเสี่ยง

พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด เพราะการนอนหลับจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง ผื่นจะค่อย ๆ หายเร็วขึ้น เลือกสวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบาย ไม่อับชื้นและระบายอากาศได้ดีช่วยลดการเสียดสีและระคายเคืองผิว

5. สังเกตอาการ

ผื่นกุหลาบส่วนใหญ่จะค่อย ๆ จางและหายเอง หากผื่นไม่ดีขึ้นภายใน 2–3 สัปดาห์ หรือมีอาการผิดปกติ เช่น หนอง ปวดรุนแรง หรือไข้สูง ควรกลับมาพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม

วิธีดูแลผิวเมื่อเป็นผื่นกุหลาบ

  • หลีกเลี่ยงการเกาแรง ๆ เพราะอาจทำให้ผิวอักเสบหรือติดเชื้อ
  • ไม่อยู่ในที่หนาวหรือแห้งจัดตลอดเวลา ผิวอาจระคายเคืองและคันมากขึ้น
  • อาบน้ำอุณหภูมิพอดี และทาครีมบำรุงหลังอาบน้ำ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น
  • ใช้ยาทาหรือยาแก้คันตามแพทย์สั่ง เช่น คาลาไมน์โลชั่น หรือสเตียรอยด์ชนิดอ่อน
  • รักษาความสะอาดสิ่งของรอบตัว เช่น ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว
  • ไม่เปลี่ยนสกินแคร์หรือเครื่องสำอางบ่อย ๆ เพื่อป้องกันอาการแพ้
  • เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย ช่วยลดการระคายเคือง

แนวทางป้องกันผื่นกุหลาบ

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีน ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและระบบไหลเวียนดี
  • พักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด เพราะร่างกายที่เหนื่อยหรือเครียดง่ายต่อการเกิดผื่น
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอ่อนโยน เช่น สบู่และครีมที่ไม่มีสารก่อระคายเคือง
  • หลีกเลี่ยงน้ำร้อนจัดหรือการถูผิวแรง ๆ เพื่อป้องกันผิวแห้งและคัน
  • สวมเสื้อผ้าที่โปร่งสบายและเนื้อนุ่ม เช่น ผ้าฝ้าย ระบายอากาศดี ไม่รัดแน่น

บทสรุป

ผื่นกุหลาบเป็นโรคผิวหนังที่ไม่อันตราย มักหายเองภายใน 6–8 สัปดาห์ แต่บางรายอาจคันหรือรบกวนการใช้ชีวิตได้ สาเหตุเกิดจากภูมิคุ้มกันต่ำ ความเครียด การติดเชื้อไวรัส หรือสภาพอากาศ การดูแลผิวให้ชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงเกา และพักผ่อนเพียงพอช่วยบรรเทาอาการได้

หากคนไข้กำลังกังวลเกี่ยวกับผื่นกุหลาบ หรือต้องการดูแลผิวให้เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง สามารถมาปรึกษาได้ที่คลินิกผิวหนังลลิษา เราพร้อมให้คำแนะนำแบบเฉพาะตัว ตรวจประเมินผิว และวางแผนการดูแลผิวอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผิวของคนไข้สุขภาพดี แอดไลน์ line: @lalizaclinic

แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูลผื่นกุหลาบ

wikipedia. Pityriasis rosea.
https://en.wikipedia.org/wiki/Pityriasis_rosea

aad. Pityriasis rosea: Diagnosis and treatment. Written by:Paula Ludmann, MS.
https://www.aad.org/public/diseases/a-z/pityriasis-rosea-treatment

dermnetnz. Pityriasis rosea. Author: A/Prof Amanda Oakley, Dermatologist, Hamilton, New Zealand. Updated August 2014. Updated: Dr Nicole Seebacher, Department of Oncology, Oxford, United Kingdom. Copy edited by Gus Mitchell. December 2021
https://dermnetnz.org/topics/pityriasis-rosea

บทความโดย

ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว

ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่คลินิกผิวหนังลลิษา ได้ ฟรี!! ทุกสาขา