คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
หน้าแรก / Skin diseases / 5 วิธีรักษาเชื้อราบนหนังศีรษะ ให้หาย พร้อมวิธีป้องไม่ให้เป็นซ้ำ
5 วิธีรักษาเชื้อราบนหนังศีรษะ ให้หาย พร้อมวิธีป้องไม่ให้เป็นซ้ำ

หมอจะพามาทำความรู้จักเชื้อราบนหนังศีรษะกัน ปัญหาที่สร้างความกังวลให้หลายคน เกิดจากอะไรบ้าง?ซึ่งสาเหตุและการแสดงอาการก็จะแตกต่างกันไป การเข้าใจสาเหตุและอาการที่ชัดเจนจะนำไปสู่การรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
บทความนี้หมอตาลจะช่วยให้รู้จักกับเชื้อราบนหนังศีรษะ มีวิธีรักษาอะไรบ้าง? มีอาการอะไรให้สังเกต เพื่อเส้นผมและหนังศีรษะกลับมาแข็งแรง
ทำความรู้จัก! เชื้อราบนหนังศีรษะ
เชื้อราบนหนังศีรษะ (Scalp Fungus) หรือที่รู้จักกันในชื่อทางการแพทย์ว่า Tinea Capitis ซึ่งเชื้อราชนิดนี้จะเข้าทำลายหนังศีรษะ เส้นผม และรูขุมขน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและชื้น ซึ่งเชื้อราจะเจริญเติบโตได้ดี
การติดเชื้อนี้ทำให้เกิดอาการอักเสบ คัน หนังศีรษะลอกเป็นขุย และผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่การเกิดแผลเป็นถาวรและศีรษะล้านได้
สาเหตุเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะ เกิดจากอะไรบ้าง

เชื้อราบนหนังศีรษะเกิดจากการติดเชื้อรากลุ่ม Dermatophytes โดยเฉพาะสายพันธุ์ Microsporum และ Trichophyton เชื้อรานี้จะเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะที่หนังศีรษะมีความชื้นสูง ร้อน รวมถึงมีการสะสมของไขมันหรือสิ่งสกปรกที่ล้างออกไม่หมดจด
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งเสริมให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะได้แก่
- การสัมผัสโดยตรง: การสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยตรง หรือสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงที่เป็นพาหะของเชื้อรา เช่น แมวและสุนัข
- สภาพแวดล้อม: การอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนชื้น หรือปล่อยให้หนังศีรษะเปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยมะเร็ง หรือผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน จะมีความเสี่ยงสูงกว่า
- พฤติกรรมการใช้ของส่วนตัวร่วมกัน: การใช้หวี หมวก หรือผ้าเช็ดผมร่วมกับผู้อื่น
- สุขอนามัยที่ไม่ดี: การไม่รักษาความสะอาดของหนังศีรษะ หรือไม่สระผมเป็นเวลานาน
- การบาดเจ็บที่หนังศีรษะ: แผลเล็ก ๆ บนหนังศีรษะสามารถเป็นช่องทางให้เชื้อราเข้าสู่ผิวหนังได้ง่ายขึ้น
พฤติกรรมอะไรบ้าง? ที่เสี่ยงทำให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะ
เชื้อราบนหนังศีรษะจะเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี ได้แก่
- สุขอนามัยที่ไม่ดี: การไม่สระผมอย่างสม่ำเสมอ หรือสระผมแล้วไม่เช็ดให้แห้งสนิท ทำให้หนังศีรษะมีความชื้นสะสม ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เชื้อราชอบ
- การใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น: เช่น หวี หมวก หรือผ้าเช็ดผม เพราะสามารถเป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อราจากคนสู่คนได้
- การสวมใส่สิ่งของที่อับชื้น: การใส่หมวกหรือผ้าคาดผมที่เปียกชื้นเป็นเวลานาน ทำให้หนังศีรษะอับชื้นและเป็นแหล่งเพาะเชื้อรา
- การสัมผัสสัตว์เลี้ยงที่ติดเชื้อ: หากสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงที่มีเชื้อราโดยไม่ระมัดระวังหรือไม่ล้างมือหลังสัมผัส ก็อาจติดเชื้อมาสู่คนได้
- การดูแลบาดแผลไม่ถูกสุขลักษณะ: หากมีแผลหรือรอยถลอกบนหนังศีรษะ แล้วไม่ดูแลทำความสะอาดอย่างเหมาะสม เชื้อราก็สามารถเข้าสู่ผิวหนังได้ง่ายขึ้น
- อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนชื้น: สภาพอากาศที่ร้อนและมีความชื้นสูงเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ไม่ว่าจะเป็นจากโรคประจำตัวหรือผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อราได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
เชื้อราบนหนังศีรษะ มีกี่ประเภท? ประเภทใดบ้าง
เชื้อราบนหนังศีรษะ สามารถแบ่งประเภทได้ตามชนิดของเชื้อราที่เป็นสาเหตุหลัก โดยส่วนใหญ่มาจากเชื้อรากลุ่ม Dermatophytes ซึ่งมี 2 ชนิดที่พบบ่อยได้แก่
- Trichophyton tonsurans: เชื้อราชนิดนี้พบการติดเชื้อในคน โดยเฉพาะในเด็ก ทำให้เกิดผื่นแดงเป็นวง มีสะเก็ด และผมร่วงเป็นหย่อม ๆ
- Microsporum canis: เชื้อราชนิดนี้มักติดต่อมาจากสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมว ก่อให้เกิดผื่นแดง อักเสบ มีสะเก็ดหนา และผมร่วงเป็นหย่อม ๆ เช่นกัน
นอกจากเชื้อราในกลุ่ม Dermatophytes แล้ว ยังมีเชื้อราอีกชนิดที่อาศัยอยู่บนหนังศีรษะตามปกติคือ Malassezia หากเชื้อราชนิดนี้มีปริมาณมากเกินไป อาจทำให้เกิดปัญหารังแคและขุยบนหนังศีรษะได้
อาการของเชื้อราบนหนังศีรษะ มีอะไรบ้าง

อาการของเชื้อราบนหนังศีรษะนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ ตั้งแต่ไม่มีอาการไปจนถึงอาการรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อหนังศีรษะและเส้นผมอย่างมาก
1. เชื้อราบนหนังศีรษะระยะที่ยังไม่มีอาการ
ในระยะแรกของการติดเชื้อ บางคนอาจจะยังไม่แสดงอาการที่ชัดเจน หรือเป็นเพียงพาหะที่ไม่มีความผิดปกติใด ๆ บนหนังศีรษะ แต่ยังคงสามารถแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่นได้ โดยที่ยังไม่มีผื่นหรืออาการคัน
2. เชื้อราบนหนังศีรษะในรายที่มีอาการไม่รุนแรง
เมื่อเชื้อราเริ่มลุกลาม อาการจะเริ่มสังเกตเห็นได้ชัดเจนขึ้น เช่น
- ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ และอาจเห็นเส้นผมหักเป็นจุดดำเล็ก ๆ บนหนังศีรษะ
- หนังศีรษะแห้ง ลอกเป็นขุย คล้ายรังแค
- มีผื่นแดงเป็นวงกลมบริเวณหนังศีรษะ
- มีอาการคันอย่างรุนแรง
- เส้นผมเปราะบางและขาดง่าย
- ในบางราย อาจพบต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณคอหรือหลังหู
3. เชื้อราบนหนังศีรษะผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
ในกรณีที่อาการรุนแรงขึ้น จะเกิดการอักเสบของหนังศีรษะมากขึ้น มีตุ่มหนองหรือตุ่มพอง และลุกลามจนกลายเป็นก้อนนูนขนาดใหญ่ มีน้ำเหลืองหรือหนองไหลออกมา ซึ่งอาการนี้เรียกว่า “ชันนะตุ” (Kerion) จะมีอาการเจ็บปวดและรู้สึกร้อนบริเวณที่ติดเชื้อ และต่อมน้ำเหลืองโตอย่างเห็นได้ชัด เส้นผมบริเวณที่ได้รับผลกระทบมักจะร่วงและไม่ขึ้นใหม่ สภาพหนังศีรษะจะแดงและบวมอย่างชัดเจน
เชื้อราบนหนังศีรษะ อันตรายหรือเปล่า
โดยทั่วไปแล้วไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที อาจก่อให้เกิดปัญหาที่รุนแรงตามมาได้ ซึ่งผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
- การอักเสบรุนแรง: หนังศีรษะอาจเกิดการอักเสบอย่างหนัก
- ผมร่วง: อาจทำให้ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หรือร้ายแรงที่สุดคือ ผมร่วงถาวรจนเกิดภาวะศีรษะล้านในบริเวณนั้น
- ผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต: อาการคันและผมร่วงที่เกิดขึ้น สามารถส่งผลเสียต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้
ดังนั้น แม้จะไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตโดยตรง แต่ก็ควรเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อป้องกันผลกระทบระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นกับหนังศีรษะและเส้นผมของคุณ
ใครเสี่ยงเป็นเชื้อราบนหนังศีรษะบ้าง

เชื้อราบนหนังศีรษะสามารถเกิดได้กับทุกคน แต่บางกลุ่มคนก็มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป ลองมาดูกันว่ามีใครบ้าง
1. เชื้อราบนหนังศีรษะในเด็ก
เด็ก ๆ โดยเฉพาะวัยอนุบาลและประถม มีโอกาสติดเชื้อราบนหนังศีรษะได้ง่าย เพราะระบบภูมิคุ้มกันของพวกเขายังพัฒนาไม่เต็มที่ และจะเล่นใกล้ชิดกับเพื่อนหรือสัตว์เลี้ยง ทำให้เชื้อราแพร่กระจายได้ง่ายมาก
2. เชื้อราบนหนังศีรษะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
คนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยเบาหวาน, ผู้ติดเชื้อ HIV, ผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังรักษา, หรือคนที่กินยากดภูมิคุ้มกัน ร่างกายจะอ่อนแอและติดเชื้อราได้ง่ายกว่าปกติ
3. เชื้อราบนหนังศีรษะในผู้ที่มีสุขอนามัยไม่ดี
การไม่สระผมเป็นประจำ หรือสระผมไม่สะอาด ทำให้หนังศีรษะชื้นและอับชื้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เชื้อราชอบและเจริญเติบโตได้ดี
4. เชื้อราบนหนังศีรษะในผู้ที่มีบาดแผลบนหนังศีรษะ
หากหนังศีรษะมีบาดแผล ไม่ว่าจะเป็นรอยถลอก รอยขีดข่วน หรือแผลเปิด เชื้อราก็สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านบาดแผลเหล่านั้นได้ง่าย ทำให้เกิดการติดเชื้อได้
5. เชื้อราบนหนังศีรษะในผู้ที่อยู่ในสภาพแวดล้อมแออัด
การอาศัยอยู่ในที่ที่มีคนจำนวนมาก เช่น โรงเรียน, ค่าย, หรือบ้านที่มีคนอยู่กันเยอะ ๆ จะเพิ่มโอกาสในการสัมผัสและติดเชื้อราจากผู้อื่นได้มากขึ้น
6. เชื้อราบนหนังศีรษะในผู้ที่สัมผัสสัตว์เลี้ยงที่ติดเชื้อรา
ถ้าที่บ้านมีสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัข หรือแมวที่ติดเชื้อรา และคุณมีการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้ล้างมือหลังจากสัมผัส ก็มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อราได้
7. เชื้อราบนหนังศีรษะในผู้ที่ใช้บริการร้านตัดผม หรือทำผมที่ไม่ได้มาตรฐาน
ร้านตัดผมหรือร้านทำผมที่ไม่สะอาด หรืออุปกรณ์ที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างถูกต้อง อาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อราได้ คุณอาจได้รับเชื้อราจากอุปกรณ์เหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว
8. เชื้อราบนหนังศีรษะในผู้ที่มีโรคผิวหนังอื่น ๆ บนหนังศีรษะ
คนที่มีปัญหาโรคผิวหนังอื่น ๆ บนหนังศีรษะอยู่แล้ว เช่น โรคสะเก็ดเงินที่หัว, โรคผิวหนังอักเสบจากเชื้อรา, หรือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง อาจมีโอกาสติดเชื้อราได้ง่ายขึ้น
9. เชื้อราบนหนังศีรษะในผู้ที่ใช้ยาบางชนิด หรือมีภาวะทางสุขภาพบางอย่าง
การใช้ยาบางประเภท เช่น ยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroids) หรือยาที่ใช้ควบคุมโรคเรื้อรัง รวมถึงภาวะที่ส่งผลต่อระบบประสาทและจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า หรือพาร์กินสัน ก็อาจส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อราบนหนังศีรษะเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
เชื้อราบนหนังศีรษะ มีวิธีรักษาอย่างไรบ้าง

เชื้อราบนหนังศีรษะ รักษายังไง? การรักษาเชื้อราบนหนังศีรษะมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าอาการรุนแรงแค่ไหน วันนี้มี 5 วิธีรักษาเชื้อราบนหนังศรีษะ เพื่อให้เป็นแนวทางพิจารณาการรักษา ซึ่งคนไข้ทุกท่านควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม
1. ใช้ยาทาเชื้อรา
ในบางกรณีที่จำเป็น หรือเพื่อช่วยบรรเทาอาการเฉพาะที่ คุณหมออาจแนะนำให้ใช้ยาทาต้านเชื้อรา เช่น ketoconazole หรือ Terbinafine แบบทาภายนอก ยาเหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการคันและลดปริมาณเชื้อราในบริเวณที่พบอาการ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นในระหว่างการรักษา
2. ใช้ยารับประทานต้านเชื้อรา
คุณหมอจะแนะนำให้ใช้ยารับประทานต้านเชื้อรา ซึ่งยาเหล่านี้จะออกฤทธิ์จากภายในร่างกายเพื่อกำจัดเชื้อราที่เป็นต้นเหตุโดยตรง ยาที่นิยมใช้ได้แก่ Griseofulvin, Terbinafine, Itraconazole หรือ Fluconazole การกินยาเหล่านี้มักจะต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ เพื่อให้แน่ใจว่าเชื้อราถูกกำจัดออกไปจนหมดจริง ๆ
3. ใช้ยาสระผมฆ่าเชื้อรา
นอกจากการกินยาแล้ว คุณหมอจะแนะนำให้ใช้ ยาสระผมที่มีสารต้านเชื้อรา ร่วมด้วย ตัวอย่างเช่น Ketoconazole shampoo การใช้ยาสระผมชนิดนี้จะช่วยฆ่าเชื้อราที่อยู่บนหนังศีรษะโดยตรง พร้อมทั้งช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อราจากการสัมผัส ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษาให้ดีขึ้น
4. วิธีดูแลเสริมและสมุนไพร
บางคนอาจลองใช้วิธีดูแลเสริมด้วยสมุนไพรธรรมชาติ เช่น การหมักผมด้วยมะละกอดิบ น้ำส้มสายชู หรือน้ำมันละหุ่ง ซึ่งอาจช่วยลดเชื้อราและอาการคันได้ นอกจากนี้ การล้างหนังศีรษะด้วยน้ำมะนาว หรืออาจผสมกับเบกกิ้งโซดา ก็อาจช่วยลดเชื้อราและรังแคได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม วิธีเหล่านี้เป็นเพียงการดูแลเสริม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้วิธีเหล่านี้ควบคู่กับการรักษาหลัก
5. รักษาความสะอาดและป้องกันการแพร่เชื้อ
นอกจากการใช้ยาแล้ว การดูแลความสะอาดก็สำคัญมาก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและติดซ้ำ ควรหลีกเลี่ยงการใช้หมอน ผ้าเช็ดตัว หรือหวีร่วมกับผู้อื่น รวมถึงเปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าเช็ดตัวบ่อย ๆ และ ทำความสะอาดอุปกรณ์เกี่ยวกับเส้นผมอย่างสม่ำเสมอ
เชื้อราบนหนังศีรษะ รักษาเองได้ไหม?
ถ้าเป็นเชื้อราบนหนังศีรษะในระยะเริ่มต้นหรือมีอาการไม่รุนแรงมาก สามารถดูแลตัวเองในเบื้องต้นได้ สิ่งสำคัญคือต้องเน้นที่การรักษาความสะอาดและสุขอนามัยของหนังศีรษะอย่างเคร่งครัด รวมถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อราเกิดซ้ำหรือแพร่กระจายไปที่อื่น
แต่ถ้าลองดูแลตัวเองแล้ว อาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลงกว่าเดิม เช่น มีผื่นแดงเยอะมาก คันไม่หยุด ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หรือหนังศีรษะอักเสบรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อให้คุณหมอวินิจฉัยและจ่ายยาที่เหมาะสมกับอาการของคุณโดยเฉพาะ การปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้การรักษายากขึ้น หรือเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้
7 วิธีการป้องกัน จากหมอ

เพื่อลดโอกาสเกิดเชื้อรา ควรปฏิบัติตาม 7 วิธีป้องกันเชื้อราบนหนังศีรษะที่หมอมีมาแนะนำที่ด้านล่างนี้ค่ะ
1.รักษาสุขอนามัยของเส้นผมและหนังศีรษะ
สระผมเป็นประจำด้วยแชมพูที่เหมาะสม และที่สำคัญคือต้องเช็ดผมให้แห้งสนิทหลังสระทุกครั้ง เพื่อไม่ให้หนังศีรษะอับชื้น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เชื้อราชอบ
2. ดูแลความสะอาดของใช้ส่วนตัว
อย่าใช้หวี ผ้าเช็ดตัว หรือหมวกร่วมกับผู้อื่น และควรทำความสะอาดของใช้เหล่านี้เป็นประจำ
3. ล้างมือให้บ่อย ๆ
โดยเฉพาะหลังจากสัมผัสสัตว์เลี้ยงหรือสิ่งสกปรก เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
4. หลีกเลี่ยงการเกาหนังศีรษะแรง ๆ
การเกาอย่างรุนแรงอาจทำให้เกิดแผล ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อได้
5. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย
ดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดี
6. ดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง
ควรพาสัตว์เลี้ยงไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ที่สงสัยว่าติดเชื้อรา หรือมีปัญหาผิวหนังผิดปกติ
7. ทำความสะอาดที่อยู่อาศัย
หมั่นทำความสะอาดข้าวของและบริเวณบ้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดการสะสมของเชื้อราในสิ่งแวดล้อม
คำถามหมอพบบ่อย (FAQs)
เชื้อราบนหนังศีรษะ เลือกยาสระผมหรือแชมพูอย่างไรดี
ควรเลือกแชมพูที่มีสารต้านเชื้อรา เช่น Ketoconazole, Selenium Sulfide หรือ Ciclopirox แชมพู Ketoconazole 2% (เช่น Nizoral) เป็นที่นิยม ใช้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 2-4 สัปดาห์
เชื้อราบนหนังศีรษะ ไม่หาย เกิดจากอะไร? แก้ไขอย่างไรดี
สาเหตุอาจมาจากการใช้ยาผิดวิธี ไม่ต่อเนื่อง หรือเชื้อดื้อยา รวมถึงการดูแลไม่สะอาดพอ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับยาที่เหมาะสมและอาจต้องใช้ยารับประทานร่วมด้วย หากปล่อยไว้อาจผมร่วงถาวร
หากเป็นเชื้อราบนหนังศีรษะ ใช้กระเทียมช่วยลดเชื้อราบนหนังศีรษะได้หรือไม่?
กระเทียมมีสารต้านเชื้อรา แต่ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ชัดเจนว่าใช้แทนยาได้ อาจใช้เสริมสุขภาพหนังศีรษะ แต่ควรใช้ร่วมกับการรักษาจากแพทย์เพื่อความปลอดภัยและได้ผล
เชื้อราบนหนังศีรษะสามารถติดต่อกันได้หรือไม่?
ติดต่อได้ โดยตรงจากการสัมผัส หรือผ่านของใช้ส่วนตัว เช่น หมวก หวี หมอน ควรรักษาความสะอาดและแยกของใช้ส่วนตัว
เชื้อราบนหนังศีรษะ ผมร่วงเป็นหย่อมหายได้ไหม?
หายได้ หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที แต่ถ้าปล่อยไว้นานจนเกิดแผลเป็นหรือหนังศีรษะถูกทำลาย อาจทำให้ผมร่วงถาวร
เชื้อราบนศีรษะ รักษานานไหมกว่าจะหาย?
โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 6-12 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความรุนแรง ต้องใช้ยารับประทานควบคู่กับยาสระผมต้านเชื้อราอย่างต่อเนื่อง
รักษาเชื้อราบนศีรษะ ราคาเท่าไหร่
ราคาแตกต่างกันไป ควรสอบถามแพทย์และร้านยา
สรุป
เชื้อราบนหนังศีรษะเป็นปัญหาที่ป้องกันได้ง่าย ๆ ด้วยการดูแลตัวเองให้ดี สิ่งสำคัญคือ รักษาสุขอนามัยที่ดี โดยเฉพาะเรื่องความสะอาดของเส้นผมและหนังศีรษะ และหลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น หวี หมวก ผ้าเช็ดตัว รวมถึงการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ หากเริ่มสังเกตเห็นอาการผิดปกติ เช่น คันหนังศีรษะมากผิดปกติ, ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หรือมีขุยคล้ายรังแคที่ไม่หายไป ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ทันที เพราะการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยยับยั้งไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น และป้องกันผลกระทบระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นกับหนังศีรษะและเส้นผมของคุณได้
ที่คลินิกผิวหนังลลิษา เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาเชื้อราบนหนังศีรษะของคุณ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อช่วยให้คุณกลับมามีหนังศีรษะและเส้นผมที่สุขภาพดีได้อย่างมั่นใจ
แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูลเชื้อราบนหนังศรีษะ
clevelandclinic. Scalp Yeast Infection: Causes, Symptoms, Treatment & Prevention.
https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/22967-scalp-yeast-infection
healthline. Scalp Yeast Infection: Causes, Symptoms, and Treatments. Medically reviewed by Cynthia Cobb, DNP, APRN, WHNP-BC, FAANP. Written by Jennifer Leavitt, MS. April 23, 2019.
https://www.healthline.com/health/scalp-yeast-infection
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ทุกสาขา