คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
6 วิธีป้องกันรังแค ขจัดปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุ
รังแคไม่ใช่แค่เรื่องของความสะอาด แต่เป็นปัญหาหนังศีรษะที่สร้างความรำคาญและลดความมั่นใจในชีวิตประจำวัน หนุ่มสาววัยทำงานคงสงสัยกันบ่อย ๆ ว่ารังแคเกิดจากอะไร และทำไมถึงมีรังแคเยอะ บทความนี้หมอตาลจะเปิดเผยสาเหตุ พร้อมแนะนำวิธีขจัดรังแคให้ลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเกิดรังแคขึ้นมีผลเสียต่อผิวอย่างไรบ้าง
รังแคก่อให้เกิดการระคายเคืองและอาการคันบนหนังศีรษะอย่างมาก หากมีการเกาอย่างรุนแรงอาจนำไปสู่การเกิดบาดแผลหรือการอักเสบได้ นอกจากนี้ รังแคยังทำให้ความสมดุลของผิวหนังบริเวณศีรษะเสียไป ซึ่งส่งผลให้เกิดการสะสมของน้ำมันส่วนเกินและแบคทีเรีย ทำให้หนังศีรษะเสี่ยงต่อการติดเชื้อและปัญหาผิวหนังอื่น ๆ ตามมาได้ง่ายขึ้น
รังแคคืออะไร?

รังแค (Dandruff) คือภาวะเรื้อรังที่หนังศีรษะมีการผลัดเซลล์เร็วผิดปกติ ทำให้เกิดเป็นขุย หรือสะเก็ดสีขาวหลุดลอกออกมาบนเส้นผมและหนังศีรษะ ที่เกิดจากเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia) ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของหนังศีรษะและลอกเป็นสะเก็ด
อาการของรังแคมีอะไรบ้าง

อาการของรังแคจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน แต่มีลักษณะร่วมที่สังเกตได้ชัดเจน ดังนี้
- รังแคเป็นแผ่น
รังแคเป็นแผ่นเกิดจากอะไร? รังแคเป็นแผ่นเกิดจากการที่หนังศีรษะมีการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วเร็วกว่าปกติ ทำให้เซลล์ผิวเหล่านั้นจับตัวกันเป็นแผ่นและเป็นสะเก็ด
- อาการคันหนังศีรษะ
หนังศีรษะจะมีอาการคันยุบยิบ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดการเกา และนำไปสู่การระคายเคืองที่เพิ่มขึ้น
- หนังศีรษะมีรอยแดง
ในกรณีที่มีรังแคชนิดรุนแรง หรือเกิดจากการอักเสบ อาจพบรอยแดงหรือการอักเสบบนหนังศีรษะ
- ความรู้สึกมันเยิ้มบนหนังศีรษะ
รังแคบางชนิด โดยเฉพาะจากโรคผิวหนังอักเสบ Seborrheic dermatitis อาจทำให้หนังศีรษะดูมันเยิ้ม มีสะเก็ดสีเหลือง
- ผมร่วง
มักไม่ใช่อาการหลัก แต่การเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง อาจทำให้รูขุมขนเสียหายและนำไปสู่ปัญหาผมร่วงชั่วคราวได้
รังแคเกิดจากอะไร

สาเหตุเกิดรังแคเกิดจากปัจจัยทั้งภายนอกและภายใน มีสาเหตุได้แก่
- เชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia globosa): เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด โดยเชื้อรานี้มีอยู่ตามธรรมชาติบนหนังศีรษะและกินน้ำมัน (Sebum) ที่ผลิตโดยรูขุมขน ผลิตภัณฑ์พลอยได้จากกระบวนการนี้จะทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวหนังอย่างรวดเร็ว
- ผิวหนังอักเสบจากต่อมไขมัน (Seborrheic dermatitis): เป็นภาวะผิวหนังที่พบบ่อย ทำให้เกิดรังแคชนิดที่มีน้ำมันและคราบเหลือง นอกจากหนังศีรษะแล้วยังสามารถเกิดที่ใบหน้า คิ้ว หรือข้างจมูกได้
- ผิวแห้ง (Dry skin): หากมีผิวแห้งตามธรรมชาติ หนังศีรษะก็อาจจะแห้งและลอกเป็นขุยละเอียดได้เช่นกัน โดยมักจะมีอาการคันร่วมด้วย และอาการจะแย่ลงในฤดูหนาว
- การสระผมไม่บ่อยพอ: เมื่อไม่ได้สระผมบ่อย ๆ น้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วก็จะสะสม ก่อให้เกิดรังแค
- ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่แพ้ (Contact dermatitis): การแพ้ส่วนผสมในแชมพู สเปรย์ หรือผลิตภัณฑ์แต่งผม อาจทำให้หนังศีรษะระคายเคืองและมีอาการคัน
นอกจากสาเหตุนี้แล้ว ปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ความเครียด สภาพอากาศแห้ง การมีน้ำมันบนหนังศีรษะมาก หรือการทำความสะอาดผมที่ไม่ดีพอก็เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดรังแคได้เช่นกัน ซึ่งอาการที่พบร่วมคือ อาการคัน และบางครั้งอาจมีรอยแดงบนหนังศีรษะร่วมด้วย
รังแคอันตรายหรือไม่

แม้ว่ารังแคจะไม่ใช่ปัญหาที่อันตรายถึงชีวิต แต่การปล่อยปละละเลยอาจสร้างความรำคาญและอาการคันศีรษะที่รุนแรงได้อย่างมาก ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ในบางกรณีอาจนำไปสู่ปัญหาการอักเสบหรือการติดเชื้อของหนังศีรษะตามมาได้
คนกลุ่มไหนเสี่ยงเป็นรังแคมากที่สุด

รังแคเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่มีบางกลุ่มที่มีแนวโน้มจะเผชิญกับปัญหานี้มากกว่า
- วัยรุ่นถึงวัยกลางคน: เป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุด เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนมีอิทธิพลต่อการเกิดรังแค
- ผู้ชาย: มีโอกาสเกิดรังแคมากกว่าผู้หญิง เพราะได้รับผลกระทบจากฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) ซึ่งอาจกระตุ้นการผลิตไขมันบนหนังศีรษะ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคพาร์กินสัน, โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง, และผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
การวินิจฉัยรังแค
โดยทั่วไปแล้ว แพทย์สามารถวินิจฉัยภาวะรังแคได้จากการสังเกตลักษณะอาการโดยตรง ซึ่งรวมถึงการตรวจดูสะเก็ดบนหนังศีรษะ อาการคัน และสภาพของหนังศีรษะโดยรอบ ไม่จำเป็นต้องมีการตรวจพิเศษใด ๆ เพิ่มเติม เว้นแต่ในกรณีที่หมอสงสัยว่าอาการที่เกิดขึ้นอาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังอื่น ๆ แทน รู้ประเภทโรคผิวหนัง เพิ่มเติม
รังแคติดกันได้ไหม

รังแคไม่เป็นโรคติดต่อโดยตรง และไม่สามารถติดต่อไปสู่ผู้อื่นได้จากการสัมผัสทั่วไป แต่การใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้ที่มีรังแค เช่น หวี หรือหมวก อาจเพิ่มความเสี่ยงเล็กน้อยในการได้รับเชื้อรามาลาสซีเซีย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดรังแคได้

วิธีรักษารังแค ขจัดรังแคให้ลดลง
รังแค สามารถจัดการและบรรเทาอาการได้ด้วยวิธีดูแลตัวเองและใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ดังนี้

1. การใช้แชมพูยาขจัดรังแค
แชมพูเหล่านี้มีส่วนผสมที่ช่วยควบคุมเชื้อราหรือลดการผลัดเซลล์ผิว เช่น คีโตโคนาโซล, ซีลีเนียม ซัลไฟด์ หรือซิงค์ ไพริไธโอน ควรใช้ตามคำแนะนำข้างขวดหรือคำแนะนำของแพทย์/เภสัชกร เพื่อให้สารออกฤทธิ์ทำงานได้อย่างเต็มที่และเห็นผล
2. ดูแลความสะอาดของเส้นผมและหนังศีรษะ
การสระผมอย่างสม่ำเสมอแต่พอดี เช่น 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกินที่เป็นอาหารของเชื้อรา หลีกเลี่ยงการใช้น้ำอุ่นจัดในการสระผม เพราะจะทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคืองได้

3. หลังสระผมควรเช็ดหรือเป่าผมให้แห้ง
การปล่อยให้หนังศีรษะอับชื้นเป็นเวลานานหลังสระผมจะกระตุ้นให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดีขึ้น ควรใช้ผ้าขนหนูซับเบา ๆ หรือใช้ไดร์เป่าผมลมเย็น/อุ่นอ่อน ๆ เพื่อให้หนังศีรษะแห้งสนิทก่อนเข้านอน
4. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีกับหนังศีรษะ
สารเคมีจากการทำสีผม ดัดผม หรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่มีแอลกอฮอล์ อาจทำให้หนังศีรษะเกิดการระคายเคืองและอักเสบ ควรลดหรือหยุดการใช้สารเคมีเหล่านี้ไปก่อนจนกว่าอาการรังแคจะดีขึ้น เพื่อลดการสะสมของสารตกค้าง
5. รักษาความสะอาดอุปกรณ์ที่ใช้กับผม
หวี แปรง หรืออุปกรณ์ทำผมต่าง ๆ อาจเป็นแหล่งสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ไขมัน และเชื้อรา ซึ่งสามารถกลับมาติดหนังศีรษะซ้ำได้ ควรทำความสะอาดหวีและอุปกรณ์เหล่านี้อยู่เสมอด้วยน้ำสบู่หรือแชมพู เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
6 วิธีป้องกันรังแค ไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

- ใช้แชมพูยาเป็นระยะ: หากเคยเป็นรังแค ควรใช้แชมพูขจัดรังแคที่มีส่วนผสมออกฤทธิ์ (เช่น คีโตโคนาโซล) สลับกับแชมพูทั่วไป สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อควบคุมเชื้อรา
- สระผมเป็นประจำ: อย่าปล่อยให้หนังศีรษะมันเกินไป เพื่อป้องกันการสะสมของน้ำมันและเซลล์ผิวที่เป็นอาหารของเชื้อรา
- ทำความสะอาดหวีและอุปกรณ์: หมั่นล้างหวี แปรง และอุปกรณ์ทำผมเพื่อกำจัดเซลล์ผิวและเชื้อราที่อาจสะสมอยู่
- เช็ดผมให้แห้งสนิท: หลังสระผม ต้องมั่นใจว่าหนังศีรษะแห้งสนิทก่อนเข้านอน เพื่อไม่ให้เกิดสภาพแวดล้อมที่อับชื้น
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคือง: งดใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมหรือทำสีผมที่มีสารเคมีรุนแรง ซึ่งอาจกระตุ้นให้หนังศีรษะอักเสบ
- จัดการความเครียด: รักษาสุขภาพจิตให้ดี เพราะความเครียดสามารถกระตุ้นให้รังแคกลับมาได้
อาการรังแคแบบไหนที่ควรรีบพบแพทย์

ควรรีบปรึกษาหมอผิวหนังหากอาการรังแคไม่ดีขึ้นเลยหลังจากการรักษาด้วยแชมพูขจัดรังแคแบบซื้อเองนานกว่าสองสามสัปดาห์
นอกจากนี้ หากรังแคมีอาการรุนแรงมาก เช่น มีผื่นแดงอย่างเห็นได้ชัดและมีอาการคันอย่างรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หรือเมื่อมีสะเก็ดรังแคที่มีลักษณะเป็นแผ่นหนามาก ผิวหนังศีรษะมีเลือดออก มีหนอง หรือมีอาการบวม ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังที่รุนแรงกว่า เช่น โรคผิวหนังอักเสบจากไขมัน (Seborrheic Dermatitis) ขั้นรุนแรง, โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis), หรือการติดเชื้อ ควรเลือกปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
รักษารังแคด้วยตัวเองไม่หาย เลือกคลินิกผิวหนัง ลลิษา
คลินิกผิวหนัง ลลิษา เป็นคลินิกที่มีทีมหมอเฉพาะทางด้านตจวิทยา (แพทย์โรคผิวหนัง) คอยให้การรักษาโดยเฉพาะ การเลือกเข้าพบแพทย์ที่นี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด หมอจะสามารถประเมินสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาหนังศีรษะคนไข้ได้ และอาจแนะนำวิธีการรักษาที่ต้องใช้ยาที่มีความเข้มข้นสูงกว่าแชมพูทั่วไป หรือใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ในการควบคุมอาการเพื่อช่วยให้คนไข้หายขาดจากปัญหารังแคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำถามพบบ่อยเกี่ยวกับรังแค

สระผมยังไงให้ไม่มีรังแค
ให้เน้นการสระผมอย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็น หลีกเลี่ยงน้ำร้อนจัด นวดหนังศีรษะเบา ๆ ด้วยปลายนิ้วเพื่อกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและความมันส่วนเกิน และที่สำคัญคือ ล้างแชมพูออกให้หมดจด และเป่าหรือเช็ดผมให้แห้งสนิท โดยเฉพาะหนังศีรษะก่อนเข้านอน
ทำไมสระผมแล้วมีรังแค? แก้ยังไง
วิธีแก้ให้ใช้แชมพูยาขจัดรังแค สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ควบคู่ไปกับการล้างผมให้สะอาดและเป่าผมให้แห้งทันที
สาเหตุหูลอกเหมือนสาเหตุรังแคขึ้นไหม
มีความคล้ายคลึงกัน การที่หูลอกอาจเป็นอาการของโรคผิวหนังอักเสบจากไขมัน (Seborrheic Dermatitis) ซึ่งเป็นสาเหตุเดียวกับรังแค (ที่เกิดจากเชื้อรา Malassezia และความมัน) โดยอาการลอกนี้อาจขยายจากหนังศีรษะมาที่ใบหูหรือหลังใบหูได้
แชมพูลดผมร่วง รังแคแบบไหนดีสุด
ไม่มีแชมพูที่ “ดีที่สุด” แต่ควรเลือกแชมพูที่มีสารออกฤทธิ์ทั้ง 2 ส่วน
ขจัดรังแค: มีส่วนผสม เช่น Ketoconazole, Zinc Pyrithione หรือ Selenium Sulfide
ลดผมร่วง: มีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงรากผม เช่น Biotin, Caffeine, หรือสารสกัดสมุนไพร ควรเลือกสูตรที่อ่อนโยนและไม่มีสารก่อความระคายเคืองสูง
รังแคกับเซ็บเดิร์มต่างกันยังไง
รังแค (Dandruff) คืออาการลอกของหนังศีรษะที่มีลักษณะเป็นเกล็ดเล็กๆ สีขาวหรือเหลืองอ่อน โดยมักจะไม่มีอาการอักเสบแดง เซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) คืออาการที่รุนแรงกว่า เป็นโรคผิวหนังอักเสบที่เกิดจากความมัน ทำให้มีผื่นแดง อักเสบ และมีเกล็ดมัน ๆ สีเหลือง หรือสะเก็ดหนาติดแน่นตามหนังศีรษะ คิ้ว หรือข้างจมูก
หนังศีรษะลอกกับรังแคต่างกันอย่างไร
รังแค เป็นประเภทหนึ่งของอาการหนังศีรษะลอกที่เกิดจากเชื้อราและความมัน หนังศีรษะลอก อาจรวมถึงการลอกที่เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น
- หนังศีรษะแห้ง (Dry Scalp): เกล็ดจะเล็ก แห้ง และไม่มีความมัน อาการคันมักเกิดจากความแห้ง
- โรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis): เกล็ดจะหนา เป็นปื้นสีเงินหรือขาว และมักมีอาการอักเสบแดงร่วมด้วย
สรุปสาระสำคัญ
รังแคไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องความสะอาด แต่เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งเชื้อรามาลาสซีเซีย, ผิวหนังอักเสบ, หรือแม้แต่ความเครียด หากดูแลตัวเองด้วยแชมพูยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรง เช่น คันมาก มีรอยแดง หรือเป็นแผ่นหนา ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังทันที เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำและการรักษาที่ตรงจุดโดยเฉพาะ
ดังนั้น หากกำลังเผชิญกับปัญหารังแคที่ไม่หายขาดด้วยวิธีทั่วไป คลินิกผิวหนัง ลลิษา ที่มีหมอเฉพาะทางด้านผิวหนังโดยตรง พร้อมให้การประเมินหาสาเหตุที่แท้จริงและแนะนำแผนการรักษาด้วยยาหรือเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เหมาะสม เพื่อให้คุณกลับมามีหนังศีรษะที่แข็งแรงและมั่นใจได้อย่างยั่งยืน
แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูลรังแค
mayoclinic. Dandruff – Symptoms and causes.
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/dandruff/symptoms-causes/syc-20353850
NHS. Dandruff.
https://www.nhs.uk/conditions/dandruff/
healthline. Dandruff: Causes, Treatment, and Prevention. Medically reviewed by Megan Slomka, MSN, APRN, FNP-C. Written by Ashley Marcin. July 19, 2024.
https://www.healthline.com/health/dandruff-itchy-scalp
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ทุกสาขา