คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
เจาะลึกสาเหตุ ฝ้าลึก ไขทุกข้อสงสัย พร้อมแนะนำการรักษาและแนวทางป้องกัน

ฝ้าลึกที่ดูเหมือนจะยากเกินกว่าจะเลือนหาย ร่องรอยความหมองคล้ำที่ฝังแน่นนี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความสวยงามของผิว แต่ยังอาจกระทบต่อความรู้สึกมั่นใจในตนเอง การทำความเข้าใจธรรมชาติของฝ้าลึก และเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวอย่างแท้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง
บทความนี้หมอตาลจะพาคุณไปเจาะลึกทุกเรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับฝ้าลึก พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลผิวอย่างอ่อนโยน เพื่อให้คุณสามารถบอกลาความกังวลเรื่องฝ้าได้อย่างมั่นใจ
ฝ้าลึก คืออะไร
ฝ้าลึก คือฝ้าที่เกิดขึ้นในผิวหนังชั้นที่ลึกลงไป หรือชั้นหนังแท้นั่นเอง ซึ่งจะต่างจากฝ้าตื้นที่เกิดแค่ในชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น
ฝ้าลึกมีลักษณะอย่างไร
ฝ้าลึกจะมีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อน สีม่วงคล้ำ หรือบางทีก็ออกโทนเทาอมฟ้า มักจะกระจายตัวเป็นบริเวณกว้างบนผิว แต่ขอบเขตของปื้นฝ้าจะไม่คมชัดเท่าฝ้าตื้น
ฝ้าลึก VS กระ ต่างกันอย่างไร

หลายคนอาจสงสัยว่า ฝ้า กับ กระ นั้นแตกต่างกันอย่างไร หรือเหมือนกันหรือไม่ คำตอบคือ ทั้งสองมีทั้งส่วนที่คล้ายคลึงกันและส่วนที่แตกต่างกัน โดยทั้งฝ้าลึกและกระต่างก็เป็นปัญหาผิวที่ไม่ได้ทำให้เกิดความเจ็บปวดทางกาย แต่ส่งผลต่อความสวยงามและบั่นทอนความมั่นใจ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบริเวณใบหน้าเป็นหลัก เนื่องจากเป็นส่วนที่สัมผัสกับแสงแดดได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ฝ้าและกระก็มีลักษณะที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเจน กล่าวคือ กระ จะมีลักษณะเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลหรือสีดำ กระจายอยู่ทั่วบริเวณผิว และในบางรายอาจมีลักษณะเป็นตุ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ฝ้าจะเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม และมีขนาดใหญ่กว่ากระ โดยจะขยายเป็นวงกว้างบนผิวหนังมากกว่า
กลไกการเกิดฝ้าลึก
กระบวนการเริ่มต้นของฝ้าลึกนั้นมาจากการที่เซลล์สร้างเม็ดสีผิว หรือ เมลาโนไซต์ (Melanocyte) ที่อยู่ในผิวหนังชั้นหนังแท้ (Dermis) ผลิต เม็ดสีเมลานิน (Melanin) มากขึ้นผิดปกติ โดยมีปัจจัยหลายอย่างเป็นตัวกระตุ้น เช่น รังสียูวีจากแสงแดด พันธุกรรม และระดับฮอร์โมนในร่างกาย เป็นต้น
เมื่อเมลาโนไซต์ถูกกระตุ้น จะสร้างเม็ดสีเมลานินและบรรจุลงในถุงที่เรียกว่า เมลาโนโซม (Melanosome) จากนั้น เมลาโนโซมเหล่านี้จะค่อย ๆ เคลื่อนที่ไปยังเซลล์ผิวหนังชั้นบน หรือ เคราติโนไซต์ (Keratinocyte)
ปัจจัยกระตุ้นเหล่านี้เองที่ทำให้เกิดกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวที่เรียกว่า เมลาโนเจเนซิส (Melanogenesis) ซึ่งนำไปสู่การปรากฏของฝ้าลึกในลักษณะของปื้นสีน้ำตาล และจะค่อย ๆ ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือสัญญาณเริ่มต้นของปัญหาฝ้า หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา ฝ้าอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นและสีเข้มขึ้นตามระยะเวลา
ฝ้าลึกเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

ฝ้าลึกเกิดจากปัจจัยหลัก ๆ ได้ 2 ส่วน คือ ปัจจัยภายใน และ ปัจจัยภายนอก รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างก็สามารถกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้ง่ายขึ้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
ปัจจัยภายนอก
- แสงแดด ถือเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ ที่ก่อให้เกิดฝ้าลึก เนื่องจากรังสีอัลตราไวโอเลต ทั้ง UVA และ UVB ในแสงแดด จะกระตุ้นให้เซลล์ผิวผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานานโดยไม่ทาครีมกันแดดจึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฝ้า และยังเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย
ปัจจัยภายใน
- ระดับฮอร์โมน การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิง มีผลอย่างมากต่อการเกิดฝ้าลึก ในช่วงที่มีประจำเดือนหรือขณะตั้งครรภ์ ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) จะสูงขึ้น ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล และกระตุ้นการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีให้ผลิตเมลานินมากขึ้น นอกจากนี้ การรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ที่มีส่วนผสมของฮอร์โมน ก็อาจเป็นสาเหตุของการเกิดฝ้าได้เช่นกัน
- พันธุกรรม ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดฝ้าลึกเช่นกัน พบว่าหากมีบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นฝ้า สมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวก็มีแนวโน้มที่จะเกิดฝ้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะในเพศหญิงจะมีโอกาสสูงกว่าเพศชาย
พฤติกรรมการใช้ชีวิต
- ความเครียดสะสม ผู้ที่มีความเครียดสะสมสูงมีโอกาสเกิดฝ้าลึกได้มากกว่า เนื่องจากความเครียดส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะไปกระตุ้นการผลิตเม็ดสี นอกจากนี้ ความเครียดยังส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้การทำงานของร่างกายผิดปกติ และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ รวมถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอด้วย
- การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การทาครีมบางชนิดที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น พาราเบน หรือน้ำหอม อาจทำให้ผิวอ่อนแอลงและเกิดฝ้าได้ง่าย รวมถึงยาบางชนิดก็อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้เกิดฝ้าได้
ปัจจัยอื่น ๆ
อายุ เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 30-40 ปีขึ้นไป เซลล์ผิวจะเริ่มเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวไวต่อการถูกกระตุ้นจากปัจจัยต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดทั้งฝ้าลึกและฝ้าตื้น รวมถึงปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำ และการผลัดเซลล์ผิวที่ช้าลง ทำให้ผิวต้องการการดูแลและฟื้นบำรุงเป็นพิเศษ
มักเกิดขึ้นที่บริเวณใดบ้าง
ถึงแม้ว่าฝ้าลึกสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย แต่ส่วนใหญ่มักจะปรากฏบน ผิวหน้าเนื่องจากเป็นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรงได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบางจะยิ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการระคายเคืองและการอักเสบ ซึ่งนำไปสู่การเกิดฝ้าได้ง่ายขึ้น บริเวณที่มักพบฝ้าลึกโดยเฉพาะ มีดังนี้:
- โหนกแก้ม ถือเป็นบริเวณที่ได้รับแสงแดดมากที่สุดบนใบหน้า ทำให้มีโอกาสเกิดฝ้าลึกสูงกว่าบริเวณอื่น ๆ
- หน้าผาก เป็นบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง จึงเป็นจุดที่เกิดฝ้าลึกได้ง่าย
- จมูก การลอกสิวเสี้ยนและการสัมผัสบริเวณจมูกบ่อย ๆ ร่วมกับการโดนแสงแดด จะกระตุ้นให้ผิวบริเวณนี้เกิดฝ้าได้
- ขมับ มักพบฝ้าลึกบริเวณขมับได้บ่อยในผู้สูงอายุ
- คาง การได้รับแสงสีฟ้าจากหน้าจอโทรศัพท์เป็นเวลานาน ก็อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดฝ้าบริเวณคางได้
- เหนือริมฝีปาก ผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์ อาจพบฝ้าบริเวณนี้ได้
- แผ่นหลัง การทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น อาบแดด หรือว่ายน้ำ ในช่วงเวลาที่แสงแดดจัด ก็อาจทำให้เกิดฝ้าบริเวณแผ่นหลังได้เช่นกัน
ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเกิดฝ้าลึก

แม้ว่าฝ้าลึกสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย แต่ผู้ที่มีสภาพผิวบอบบาง หรือมีพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งเสริมการสร้างเม็ดสีในชั้นผิวหนัง อาจมีโอกาสเกิดฝ้าได้ง่ายกว่าคนทั่วไป โดยกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดฝ้าลึก ได้แก่
- ผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นเวลานาน โดยไม่มีการทาครีมกันแดด หรือสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น หมวก หรือแว่นกันแดด
- ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นฝ้า เนื่องจากพันธุกรรมมีส่วนสำคัญในการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดฝ้าลึก
- ผู้ที่มีสีผิวเข้ม หรือผิวสีแทน มีแนวโน้มที่จะเกิดฝ้าลึกได้ง่ายกว่าผู้ที่มีผิวขาว
- ผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-40 ปีขึ้นไป เนื่องจากเซลล์ผิวเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงและเสื่อมสภาพตามวัย
- ผู้ที่อยู่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน โดยเฉพาะผู้หญิงในช่วงมีประจำเดือน หรือขณะตั้งครรภ์
- ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารก่อภูมิแพ้เป็นประจำ เช่น พาราเบน ปรอท หรือตะกั่ว อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
ฝ้าลึก มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง?

ฝ้าลึกรักษาให้หายได้ไหม? ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีการรักษาใดที่สามารถทำให้ฝ้าหายขาดได้ สิ่งที่ทำได้คือการรักษาเพื่อให้รอยฝ้าดูจางลง และเรียนรู้วิธีดูแลผิวเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดฝ้า รวมถึงลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ โดยวิธีการรักษาฝ้าลึกที่นิยม มีดังนี้
1. รักษาฝ้าลึกด้วยยาทา
- Hydroquinone สารที่มีประสิทธิภาพสูงในการลดเม็ดสีผิวโดยตรง มักใช้ในการรักษาฝ้า แต่จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของหมออย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง หรือทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น
- Kligman’s Formula เป็นสูตรยาผสมที่ประกอบด้วย Hydroquinone, Steroid และ Tretinoin ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ดีในการลดเลือนฝ้า
- Tretinoin ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวและลดการสร้างเม็ดสี แต่สิ่งสำคัญคือต้องใช้ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด (ครีมกันแดด) เป็นประจำ
2. รักษาฝ้าลึกด้วยยากิน
- Tranexamic Acid เป็นยากินที่มีงานวิจัยรองรับว่าสามารถช่วยลดการสร้างเม็ดสีและทำให้ฝ้าจางลงได้ถึง 80% อย่างไรก็ตาม การใช้ยาชนิดนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของหมอเท่านั้น
3. รักษาฝ้าลึกด้วยอาหารเสริมและวิตามิน
อาหารเสริมและวิตามินหลายชนิดมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูผิว ลดการสร้างเม็ดสี และมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ตัวอย่างเช่น วิตามินซี, กลูต้าไธโอน, สารสกัดจากเมล็ดองุ่น, French Pine Bark Extract, Aronia Berry, Wild Chrysanthemum และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางยี่ห้อ เช่น Dii No.5 Mela, Colly Gluta C Plus, Doctorlogy Sun Gluta Collagen, Gluta Frosta, Abso VITE, MYSC Melanis วิตามินและสารเหล่านี้มีส่วนช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ลดโอกาสการเกิดฝ้าใหม่ และมักใช้ควบคู่ไปกับการรักษาหลักอื่น ๆ
4. รักษาฝ้าลึกด้วยเลเซอร์
การรักษาด้วยเลเซอร์เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้รอยฝ้าลึกดูจางลง และทำให้สีผิวสม่ำเสมอกัน โดยใช้พลังงานแสงเลเซอร์ยิงลงไปที่ผิวบริเวณที่เป็นฝ้าอย่างตรงจุด เพื่อยับยั้งการผลิตเม็ดสีในผิวหนังให้ลดลง นอกจากนี้ เลเซอร์บางชนิดยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูกระชับและกระจ่างใสขึ้น วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์ค่อนข้างเร็ว และไม่ต้องการระยะพักฟื้นนาน
5. รักษาฝ้าลึกด้วยการผลัดเซลล์ผิว
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผลัดเซลล์ผิว เช่น PHA (Polyhydroxy Acids) และ BHA (Beta Hydroxy Acids) รวมถึงส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเกราะป้องกันผิว เช่น เซราไมด์ (Ceramide) และกรดไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid) วิธีนี้สามารถใช้ได้ทั้งกับผู้ที่มีฝ้าตื้นและฝ้าลึก นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์ผิวโดยเฉพาะแล้ว ยังสามารถใช้วิธีการผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peeling) ภายใต้การดูแลของหมอได้เช่นกัน
6. รักษาฝ้าลึกด้วยการปรึกษาหมอผิวหนัง
การรักษาฝ้าลึกนั้นมีความซับซ้อนและจำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของหมอผิวหนังในการวินิจฉัยลักษณะของฝ้า รวมถึงเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล เนื่องจากฝ้าลึกมีการตอบสนองต่อการรักษาที่แตกต่างกันไป การใช้ยาที่ไม่ถูกต้อง หรือการทำเลเซอร์ที่ไม่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว หรือเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ตามมาได้
ลลิษาคลินิก เป็นคลินิกผิวหนังที่ดูแลโดยทีมหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ปัญหาผิวของแต่ละบุคคลอย่างละเอียดและตรงจุด พร้อมนำเสนอนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัย และเทคโนโลยีเลเซอร์ระดับสากล เพื่อให้การรักษามีความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจอย่างแท้จริง
การดูแลผิวหน้าเมื่อเป็นฝ้าลึก
เมื่อเผชิญกับปัญหาฝ้าลึก การดูแลผิวอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เริ่มจากการปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างเข้มงวดด้วยการทาครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพและสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หมวกและแว่นกันแดด ควบคู่ไปกับการเลือกใช้โฟมล้างหน้าที่อ่อนโยน เพื่อรักษาค่า pH ของผิวและป้องกันการระคายเคืองหรือผิวแห้งตึง การทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นและเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง
วิธีป้องกันการเกิดฝ้าลึก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่รังสีอัลตราไวโอเลตมีความเข้มข้นสูงสุด คือ ตั้งแต่ 10:00 น. ถึง 16:00 น.
- ทาครีมกันแดดเป็นประจำ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA+++ เพื่อปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ควรทาครีมกันแดดล่วงหน้าประมาณ 15-30 นาทีก่อนออกแดด และทาซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง หรือหลังจากการทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก
- สวมใส่เสื้อผ้าและอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น สวมหมวกปีกกว้าง กางร่ม และใส่เสื้อแขนยาว เพื่อช่วยลดปริมาณแสงแดดที่สัมผัสกับผิวโดยตรง
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่รุนแรง น้ำหอม หรือแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้
- บำรุงผิวด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามิน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินต่าง ๆ เช่น วิตามิน C, E, K, D และไนอะซินาไมด์ เพื่อช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวและลดการอักเสบ
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นผักใบเขียว ผลไม้ตระกูลเบอร์รี และถั่ว ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ ควบคู่ไปกับการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
- ปรึกษาหมอเกี่ยวกับยาหรือฮอร์โมนที่อาจกระตุ้นการสร้างเม็ดสี หากกำลังรับประทานยาคุมกำเนิดหรือยาบางชนิดที่อาจมีผลต่อการสร้างเม็ดสี ควรปรึกษาหมอเพื่อหาทางเลือกอื่น
- จัดการความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ การลดความเครียดและนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอมีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพผิวโดยรวม
คำถามที่พบได้บ่อย (FAQs)
คนเป็นฝ้าลึกขาดวิตามินอะไร
มักสัมพันธ์กับการขาดวิตามินบี 12 และบี 6 ซึ่งสำคัญต่อการควบคุมเม็ดสีเมลานิน นอกจากนี้ วิตามินซี, อี, บี 3 (ไนอะซินาไมด์) และกรดโฟลิก ก็มีส่วนช่วยลดเลือนฝ้า
คนเป็นฝ้าลึกห้ามกินอะไร
ควรงดแอลกอฮอล์, ยาคุมกำเนิด/ยาที่ส่งผลต่อฮอร์โมน, อาหารที่อาจแพ้/ระคายเคือง (รสจัด, น้ำตาลสูง, สารเคมีเจือปน), และอาหาร/เครื่องดื่มที่กระตุ้นการอักเสบ/ไวต่อแสง (คาเฟอีนมาก) การควบคุมอาหารร่วมกับการดูแลผิวช่วยลดโอกาสเกิดและลดเลือนฝ้าได้
สรุป
ฝ้าลึกเป็นปัญหาผิวที่ซับซ้อน เกิดจากปัจจัยหลากหลาย ทั้งฮอร์โมน พันธุกรรม แสงแดด และวิถีชีวิต การรักษาต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งและแนวทางที่ครอบคลุม ไม่มีวิธีรักษาใดที่ทำให้ฝ้าหายขาดได้โดยสมบูรณ์ แต่สามารถลดความเข้มและการกลับเป็นซ้ำได้ด้วยการดูแลอย่างถูกวิธี
สำหรับผู้ที่ต้องการการดูแลเฉพาะทางและแม่นยำ ลลิษาคลินิกพร้อมให้บริการด้วยทีมหมอผู้เชี่ยวชาญ ด้วยนวัตกรรมการรักษาล่าสุดและเทคโนโลยีเลเซอร์ระดับสากล เพื่อช่วยให้คุณก้าวข้ามปัญหาฝ้าลึกด้วยความมั่นใจ
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน) และ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น 4