คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
ฝ้าฮอร์โมน เกิดจากอะไร? เป็นแบบไหน? พร้อมแนะนำวิธีรักษา

ฝ้าฮอร์โมน เป็นปัญหาผิวที่หลายคนไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะนอกจากจะทำให้การแต่งหน้าเป็นเรื่องยุ่งยากแล้ว ยังทำให้หน้าดูหมองคล้ำและโทรม จนทำลายความมั่นใจได้
แม้ว่าฝ้าฮอร์โมนจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การรักษาที่ถูกวิธีก็ช่วยให้ฝ้าค่อย ๆ จางลงได้ วันนี้หมอจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับฝ้าฮอร์โมนให้มากขึ้น ว่าเกิดจากอะไร และเราจะป้องกันหรือรักษาให้เห็นผลได้ยังไงบ้าง
ฝ้าฮอร์โมน คืออะไร

ฝ้าฮอร์โมน คือภาวะที่เกิดขึ้นจากความแปรปรวนของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ในร่างกาย ส่งผลให้เซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte) ทำงานผิดปกติ จนเกิดรอยคล้ำหรือปื้นสีน้ำตาลบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก และริมฝีปากบน
ฝ้าฮอร์โมน เป็นแบบไหน มีวิธีสังเกตยังไง
ฝ้าฮอร์โมนมักมีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ขอบไม่ชัดเจน และมักเกิดแบบสมมาตรทั้งสองข้างของใบหน้า เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก หรือเหนือริมฝีปาก จุดสังเกตคือไม่เจ็บ ไม่ลอก ไม่แดง และมักเห็นชัดขึ้นเมื่อโดนแดดหรือช่วงที่ฮอร์โมนเปลี่ยน เช่น ตั้งครรภ์ หรือกินยาคุม
สาเหตุฝ้าฮอร์โมน เกิดจากอะไร
ฝ้าฮอร์โมนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ดังนี้
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน เช่น ช่วงตั้งครรภ์, การกินยาคุมกำเนิด หรือในวัยใกล้หมดประจำเดือน
- การโดนแสงแดดและรังสี UV ซ้ำๆ
- ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งมีผลต่อสมดุลฮอร์โมน
- การใช้เครื่องสำอางหรือยาบางชนิดที่ทำให้ผิวไวต่อแสง
- พันธุกรรม หากคนในครอบครัวมีฝ้า ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นได้ง่ายขึ้น
ฝ้าฮอร์โมนต่างจากฝ้าทั่วไปอย่างไร

หลายคนอาจสงสัยว่าฝ้าที่เป็นอยู่เป็นฝ้าประเภทไหน และควรรักษาอย่างไรให้ตรงจุด เพราะฝ้าฮอร์โมนเกิดจากความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ส่วนฝ้าทั่วไปมักเกิดจากแสงแดด เพื่อความเข้าใจง่าย หมอจะเปรียบเทียบความแตกต่างของทั้งสองประเภทนี้
3632_68f6da-1a> |
ฝ้าฮอร์โมน 3632_fd7b70-a6> |
ฝ้าทั่วไป 3632_906c65-a3> |
สาเหตุ 3632_116be9-38> |
ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เช่น ตั้งครรภ์, ยาคุม, วัยทอง 3632_4c044d-56> |
แสงแดด รังสี UV หรือการระคายเคืองจากสารบางชนิด 3632_85a073-e4> |
ลักษณะ 3632_0cb9ad-4c> |
ปื้นสีน้ำตาลอ่อน–เข้ม ขอบไม่ชัด สมมาตรทั้ง 2 ข้าง 3632_70d771-7a> |
ปื้นหรือจุดสีน้ำตาล ขอบคมชัด อาจไม่สมมาตร 3632_625bc2-e8> |
ตำแหน่งที่พบบ่อย 3632_bda0a9-8c> |
โหนกแก้ม หน้าผาก เหนือริมฝีปาก 3632_ede7f9-40> |
โหนกแก้ม หน้าผาก หรือบริเวณที่โดนแดดบ่อย 3632_00b113-7c> |
กลุ่มเสี่ยง 3632_93e594-ca> |
หญิงตั้งครรภ์ ใช้ยาคุม หรือฮอร์โมนทดแทน 3632_980279-6c> |
ทุกเพศที่สัมผัสแดดเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่ผิวไวต่อแสง 3632_b69e1c-72> |
โอกาสหาย 3632_e83344-ae> |
อาจจางลงได้เองเมื่อฮอร์โมนกลับสู่ปกติ 3632_466a53-41> |
ไม่หายเอง ต้องรักษาและป้องกันการโดนแสงแดด 3632_10d99b-09> |
แม้ฝ้าฮอร์โมนกับฝ้าทั่วไปจะดูคล้ายกัน แต่สาเหตุและวิธีรักษานั้นแตกต่างกัน ถ้าเรารู้ว่าเป็นฝ้าประเภทไหน ก็จะช่วยให้รักษาได้ตรงจุด เห็นผลไวขึ้นแบบไม่เสียเวลา (ซึ่ง ประเภทของฝ้า หมอเคยเขียนไว้แล้วสามาถเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้เลยค่ะ) หากไม่แน่ใจฝ้าที่เป็นอยู่เกิดจากอะไร หมอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อจะได้วางแผนการรักษาให้เหมาะกับผิวเราที่สุด
ฝ้าฮอร์โมน รักษาอย่างไร?

ฝ้าฮอร์โมนแม้ไม่หายขาด แต่ก็สามารถดูแลให้จางลงและควบคุมไม่ให้ลุกลามได้ ถ้ารักษาให้ตรงจุด มาดูกันว่าแนวทางการรักษาฝ้าฮอร์โมนมีอะไรบ้าง
- ยาทาฝ้า
เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของเรตินอล (Retinol), ไฮโดรควิโนน หรือกรดทราเนซามิก ช่วยลดเม็ดสีและผลัดเซลล์ผิว ทำให้ฝ้าดูจางลง - ยารับประทาน
เช่น Tranexamic Acid ที่ช่วยยับยั้งการผลิตเม็ดสีเมลานินจากภายใน ใช้ร่วมกับการทายาเพื่อเสริมประสิทธิภาพ - ผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peeling / AHA / BHA)
ช่วยเร่งการผลัดผิวเก่า ลดความหมองคล้ำและรอยฝ้า ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น แต่ควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์เพื่อลดโอกาสระคายเคืองหรือผลข้างเคียง - เลเซอร์รักษาฝ้า
เช่น Fractional หรือ Q-switched laser โดยใช้พลังงานเลเซอร์ยิงตรงไปยังชั้นผิวเพื่อยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ช่วยให้ฝ้าดูจางลง พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผลค่อนข้างไว แต่ต้องทำต่อเนื่องและระมัดระวังเรื่องการดูแลผิวหลังทำ - ปรับฮอร์โมน
หากฝ้าเกิดจากยาคุมหรือฮอร์โมนบำบัด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาหยุดหรือเปลี่ยนยา การปรับสมดุลฮอร์โมนให้เหมาะสม จะช่วยลดฝ้าและป้องกันไม่ให้เกิดเพิ่มได้
วิธีป้องกันฝ้าฮอร์โมน
- หลีกเลี่ยงแสงแดด เพราะรังสี UV จากแสงแดดเป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นฝ้าให้เกิดหรือรุนแรงขึ้น เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ พร้อมทั้งพยายามหลีกเลี่ยงการออกแดดในช่วงเวลาที่แสงแดดแรง
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมกำเนิดที่กระตุ้นฮอร์โมน หากฝ้าฮอร์โมนเกิดจากการใช้ยาคุมกำเนิดหรือการรักษาภาวะฮอร์โมน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางเลือกในการใช้ยา หรือปรับวิธีการคุมกำเนิดที่ไม่กระทบต่อฮอร์โมนมากเกินไป
- หลีกเลี่ยงความเครียด ความเครียดสามารถส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นฝ้าฮอร์โมน
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณสมบัติช่วยลดจุดด่างดำ เช่น เซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซี, กรดอาเซลาอิก (Azelaic acid) หรือ Kojic acid ที่ช่วยลดการผลิตเม็ดสีผิวผิดปกติ
การป้องกันฝ้าฮอร์โมนเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการหลีกเลี่ยงยาฮอร์โมนที่กระตุ้นฝ้า ลดความเครียด และอย่าลืมปกป้องผิวจากแสงแดด พร้อมทั้งบำรุงผิวให้แข็งแรงอยู่เสมอ
สรุป
ฝ้าฮอร์โมนมักจะจางหายไปเองเมื่อระดับฮอร์โมนในร่างกายกลับมาสู่สมดุล แต่หากฝ้ายังคงอยู่หรือไม่จางลง ก็อาจจำเป็นต้องหาวิธีรักษาที่เหมาะสม การรักษาฝ้าฮอร์โมนให้ได้ผลต้องอาศัยความสม่ำเสมอและการป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระตุ้นให้ฝ้ากลับมาใหม่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและช่วยให้ผิวกลับมาสวยกระจ่างใสอีกครั้ง
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน) และ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น 4