คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
กระเนื้อ รักษายังไง? อันตรายไหม? พร้อมไขสาเหตุเกิดจากอะไร

กระเนื้อ จุดสีน้ำตาลหรือดำเล็ก ๆ กระจายอยู่บนผิวหนัง บางทีมันอาจทำให้คุณใจไม่สบายใจ คิดกังวลไปถึงเรื่องมะเร็งผิวหนัง คุณหมอตาลได้อธิบายถึงความเปลี่ยนแปลงบนผิวหนังลักษณะนี้ว่าเป็น “กระเนื้อ” ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้ทั่วไปมาก ในบทความนี้ หมอตาลจะพาคุณไปทำความรู้จักกับกระเนื้อให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตั้งแต่ต้นกำเนิด อาการที่สังเกตได้ ไปจนถึงแนวทางการดูแลรักษาที่ถูกต้อง
กระเนื้อ คืออะไร?

กระเนื้อ คือตุ่มหรือติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นบนผิวหนัง มีสีตั้งแต่น้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีดำ มักจะขึ้นตามใบหน้า คอ หน้าอก หลัง และใต้ตา โดยทั่วไปแล้วกระเนื้อไม่ได้เป็นอันตรายต่อผิวหนัง แต่ถ้ามีเยอะมากก็อาจจะทำให้ ไม่มั่นใจในชีวิตประจำวันได้ ถ้ากระเนื้อขึ้นเร็วมากมีรูปร่างหรือสีเปลี่ยนไป ควรรีบไปหาหมอผิวหนัง เพื่อตรวจและรักษา เพราะอาจจะเป็นสัญญาณของมะเร็งผิวหนัง
กระเนื้อ ลักษณะอย่างไร
กระเนื้อมีลักษณะเป็น ตุ่มแบนหรือติ่งเนื้อนูนที่ยื่นออกมาจากผิวหนัง โดยมีสีน้ำตาลอ่อน และสามารถ เข้มขึ้นตามกาลเวลา ขนาดของติ่งเนื้อก็ขยายใหญ่ขึ้นได้เช่นกัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ผิวดูขรุขระ ไม่เรียบเนียน ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจ
สาเหตุของกระเนื้อเกิดจากอะไร ได้บ้าง

กระเนื้อสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้
- รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดด: การสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานานหลายปีเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดกระเนื้อ ซึ่งพบได้บ่อยในผู้ที่ทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือทำงานภายใต้แสงแดดเป็นประจำ
- อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น การทำงานของเซลล์ผิวจะเริ่มชะลอตัวลง ทำให้เกิดกระเนื้อได้ง่ายขึ้น
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ในสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนอาจส่งผลให้เกิดกระเนื้อบนผิวหนังได้
- ปัจจัยทางเชื้อชาติและพันธุกรรม: บางเชื้อชาติมีแนวโน้มที่จะเกิดกระเนื้อได้ตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากลักษณะของเซลล์ผิวและปัจจัยทางพันธุกรรม
ต่างจากติ่งเนื้ออย่างไร?
หลายคนอาจยังไม่แน่ใจถึงความแตกต่างระหว่าง “กระเนื้อ” และ “ติ่งเนื้อ” เพราะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน แต่จริง ๆ แล้วมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis)
- ลักษณะ เป็นตุ่มขนาดเล็ก สีน้ำตาล มักแบนราบไปกับผิวหนัง
- สาเหตุหลัก พันธุกรรม อายุที่เพิ่มขึ้น และการสัมผัสแสงแดดจัดเป็นเวลานาน
- กลุ่มที่พบบ่อย ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
ติ่งเนื้อ (Skin Tag หรือ Acrochordon)
- ลักษณะ เป็นก้อนเนื้อนุ่มขนาดเล็ก ยื่นนูนออกมาจากผิวหนัง มีก้านเล็ก ๆ เป็นส่วนเชื่อมต่อกับผิว (จุดสังเกตสำคัญที่แตกต่างจากกระเนื้อ) และมักมีสีเดียวกับผิวหนัง
- สาเหตุหลัก การเปลี่ยนแปลงตามวัย มักเกิดในบริเวณที่มีการเสียดสีหรือระคายเคืองง่าย
- บริเวณที่พบบ่อย เปลือกตา รักแร้ ซอกราวนม
- กลุ่มที่พบบ่อย ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก และผู้ที่มีประวัติครอบครัว
เป็นสัญญาณของมะเร็งผิวหนังหรือไม่
โดยทั่วไปแล้ว กระเนื้อไม่ใช่มะเร็งและไม่สามารถกลายไปเป็นมะเร็งผิวหนังได้ หากมีความกังวลเกี่ยวกับลักษณะของกระเนื้อที่อาจคล้ายคลึงกับมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา ควรสังเกตความแตกต่างที่สำคัญคือ มะเร็งเมลาโนมักปรากฏเป็นตุ่มนูนเดี่ยว ขนาดใหญ่ผิดปกติ รูปทรงไม่สมมาตร ขอบเขตไม่ชัดเจน สีไม่สม่ำเสมอ (อาจมีหลายเฉดสีในตุ่มเดียว) และอาจมีเลือดออก ในขณะที่กระเนื้อจะมีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ หลายจุดรวมกัน และมีสีสม่ำเสมอ
กระเนื้อ ขึ้นตรงไหนบ้าง

กระเนื้อ สามารถเกิดขึ้นได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย และจะพบมากขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น
- กระเนื้อขึ้นที่คอ เป็นตำแหน่งที่มักพบกระเนื้อได้บ่อย โดยมีลักษณะเป็นตุ่มนูนหรือแผ่นที่มีสีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีดำ พื้นผิวอาจขรุขระหรือยกตัวขึ้นเล็กน้อย
- กระเนื้อขึ้นที่ใบหน้า สามารถพบกระเนื้อได้บ่อย โดยมีลักษณะเป็นตุ่ม หรือแผ่นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ
- กระเนื้อขึ้นที่หน้าอก เป็นอีกบริเวณหนึ่งที่พบบ่อย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ
- กระเนื้อขึ้นที่หลัง ในบางรายอาจพบกระเนื้อเป็นกลุ่มหรือกระจุก
- กระเนื้อขึ้นที่หนังศีรษะ สามารถพบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีผมน้อยหรือศีรษะล้าน
- กระเนื้อขึ้นที่ไหล่และท้อง แม้จะไม่พบบ่อยเท่าบริเวณอื่น แต่ก็สามารถเกิดกระเนื้อขึ้นได้เช่นกัน
6 วิธีรักษากระเนื้อ

จริง ๆ แล้วกระเนื้อไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลอะไร เพราะมันไม่ได้เป็นอันตรายต่อร่างกายของเรา แต่ถ้าใครรู้สึกว่ามันทำให้ผิวไม่สวยงาม หรืออยากให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ก็สามารถรักษาได้ โดยมีวิธีต่าง ๆ ให้เลือก
1. จี้ด้วยสารเคมี
วิธีนี้เหมือนกับการใช้ยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนอ่อน ๆ ทาลงไปบนกระเนื้อ เพื่อให้เซลล์ผิวหนังที่เป็นกระเนื้อค่อย ๆ หลุดออกไป เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและเร็ว เหมาะกับกระเนื้อเล็ก ๆ หรือมีหลายจุด แต่ก็อาจทำให้ผิวแสบร้อน หรือมีรอยคล้ำชั่วคราวได้ ควรให้คุณหมอเป็นคนทำให้จะดีที่สุด
2. จี้ด้วยความเย็น
วิธีนี้จะใช้ความเย็นจัดจากไนโตรเจนเหลวมาแช่แข็งกระเนื้อ ทำให้เซลล์ผิวหนังตายไป เป็นวิธีที่ค่อนข้างได้ผลดี และมักจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นมากนัก แต่ตอนทำอาจจะรู้สึกเจ็บ ๆ แสบ ๆ หรือมีตุ่มน้ำพองขึ้นมาได้
3. จี้ด้วยไฟฟ้า
วิธีนี้จะใช้เครื่องมือปล่อยกระแสไฟฟ้าอ่อน ๆ ผ่านเข็มเล็ก ๆ ไปที่กระเนื้อ ความร้อนจากไฟฟ้าจะทำลายเนื้อเยื่อที่เป็นกระเนื้อ วิธีนี้เหมาะกับกระเนื้อที่ค่อนข้างหนา แต่ตอนทำอาจจะรู้สึกเจ็บ ซึ่งคุณหมอจะทายาชาให้ และอาจมีรอยแผลเป็นเล็กน้อยหลังทำ
4. รักษาด้วยเลเซอร์ CO2
การรักษากระเนื้อด้วยเลเซอร์ CO2 ได้รับความนิยมมาก เพราะมีความแม่นยำสูงในการกำจัดเฉพาะเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ โดยลดผลกระทบต่อผิวหนังโดยรอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาด้วย CO2 Laser สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ
- การจี้ทำลายเนื้อเยื่อ (CO2 Laser Ablation) เหมาะสำหรับการกำจัดกระเนื้อ ไฝ ขี้แมลงวัน ติ่งเนื้อบริเวณคอหรือลำตัว เนื้องอกของต่อมไขมัน ต่อมเหงื่อ หรือเนื้องอกผิวหนังอื่น ๆ รวมถึงสิวข้าวสาร สิวหิน และหูด
- การกรอผิว (Fractional CO2 Laser) ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็น หลุมสิว หรือปรับปรุงสภาพผิวโดยรวมให้ดีขึ้น
5. รักษาด้วยการผ่าตัด
การผ่าตัดรักษากระเนื้อเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยหมอจะทำการฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณที่เป็นกระเนื้อ จากนั้นจึงตัดผิวหนังส่วนนั้นออก เพื่อให้ร่างกายสร้างผิวใหม่ขึ้นมา วิธีนี้มักถูกนำมาใช้กับกระเนื้อที่มีขนาดใหญ่ หรืออยู่ในตำแหน่งที่การรักษาด้วยเลเซอร์หรือวิธีอื่น ๆ ไม่เหมาะสม ข้อได้เปรียบของการผ่าตัดคือสามารถกำจัดกระเนื้อได้หมดในการรักษาครั้งเดียว
6. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
การปรึกษาหมอผิวหนังเพื่อรักษากระเนื้อเป็นทางเลือกที่ดี เพราะหมอผิวหนังสามารถวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำว่าเป็นกระเนื้อจริงหรือไม่ เนื่องจากรอยโรคผิวหนังบางชนิดอาจมีลักษณะคล้ายคลึงกันแต่ต้องการ
การรักษาที่แตกต่างกัน ซึ่งหมอผิวหนังจะประเมินจำนวน ขนาด ตำแหน่งของกระเนื้อ รวมถึงสภาพผิวของคุณ เพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมและปลอดภัยที่สุด ลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์และให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หากคุณกำลังมองหาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อรักษากระเนื้อ ลลิษาคลินิก มีทีมหมอผิวหนังที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ พร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอทางเลือกการรักษาที่ตรงจุด เพื่อผิวที่เรียบเนียนและสุขภาพดีของคุณ
กระเนื้อ อันตรายไหม
กระเนื้อโดยทั่วไปไม่ใช่โรคอันตรายและไม่กลายเป็นมะเร็งผิวหนังโดยตรง แต่หากกระเนื้อมีลักษณะผิดปกติ เช่น ขนาดโตเร็ว สีเข้มมาก หรือมีเลือดออก ควรพบหมอเพื่อตรวจวินิจฉัย เพราะบางครั้งอาจแยกยากจากมะเร็งผิวหนังบางชนิดได้
การดูแลผิว เมื่อเป็นกระเนื้อ
เมื่อเป็นกระเนื้อ สิ่งสำคัญคือการดูแลผิวอย่างอ่อนโยน โดยห้ามแกะ เกา หรือขูดกระเนื้อเอง และควรทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่ระคายเคือง หลีกเลี่ยงสารเคมีแรง ๆ หรือสิ่งที่ทำให้แพ้ รวมถึงการเสียดสีของเสื้อผ้า นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดจัดและทาครีมกันแดดเป็นประจำเพื่อป้องกันการเกิดกระเนื้อใหม่และปกป้องผิว
วิธีป้องกันการเกิดกระเนื้อ

ถึงแม้ว่าเราจะป้องกันกระเนื้อไม่ให้เกิดได้ 100% แต่เราสามารถดูแลตัวเองเพื่อลดโอกาสเกิดและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้ง่าย ๆ ดังนี้
- ทาครีมกันแดดทุกวัน
แสงแดดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดกระเนื้อ ดังนั้นการทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF และ PA สูง ๆ เป็นประจำทุกวันสำคัญมาก โดยเฉพาะช่วงที่แดดแรง ๆ - หลีกเลี่ยงแดดแรง ๆ
พยายามอย่าตากแดดนาน ๆ เพื่อลดการสร้างเม็ดสีผิว ที่อาจทำให้เกิดกระเนื้อและจุดด่างดำได้ - บำรุงผิว
ใช้ครีมบำรุงผิวที่ช่วยควบคุมการสร้างเม็ดสีและทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น เช่น ครีมที่มีสารสกัดจากธรรมชาติที่ช่วยลดการสะสมของเม็ดสีผิว ก็ช่วยลดโอกาสเกิดกระเนื้อได้ - กินอาหารมีประโยชน์
ทานผักและผลไม้สดเยอะ ๆ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องผิวจากความเสียหายและทำให้ผิวสุขภาพดีขึ้น - รักษาความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
ล้างหน้าและอาบน้ำด้วยผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้ผิวระคายเคืองหรืออักเสบ เพราะการอักเสบอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดกระเนื้อได้ง่ายขึ้น - อย่าทำร้ายผิว
หลีกเลี่ยงการแกะ เกา หรือขูดกระเนื้อ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและมีโอกาสเกิดกระเนื้อใหม่ได้
คำถามที่พบได้บ่อย (FAQs)
หากไม่รักษากระเนื้อ จะเป็นอะไรหรือไม่?
หากไม่รักษากระเนื้อ โดยทั่วไปกระเนื้อจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่บางครั้งกระเนื้อที่โตขึ้นอย่างช้า ๆ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรืออักเสบ
กระเนื้อ ทำให้คันหรือเจ็บปวด เกิดจากอะไร? แก้อย่างไรดี?
โดยทั่วไปกระเนื้อไม่ก่อให้เกิดอาการคันหรือเจ็บ แต่หากมีการเสียดสีบ่อย ๆ อาจทำให้ระคายเคืองได้ สาเหตุหลักมาจากการเจริญผิดปกติของเซลล์ผิวหนังตามอายุและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การดูแลเบื้องต้นคือหลีกเลี่ยงการเสียดสีและรักษาความสะอาดผิว
กินอะไรลดกระเนื้อ?
ปัจจุบัน ยังไม่มีอาหารชนิดใดที่ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถลดหรือรักษากระเนื้อได้โดยตรง อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น ผักและผลไม้สด อาจช่วยบำรุงสุขภาพผิวโดยรวมและลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ได้
รักษากระเนื้อด้วยตัวเองได้ไหม?
ไม่แนะนำให้รักษากระเนื้อด้วยตัวเอง เพราะอาจทำให้ผิวหนังเสียหายและติดเชื้อได้
กระเนื้อทาครีมหายไหม?
โดยทั่วไปแล้ว ครีมทาผิวทั่วไปไม่สามารถรักษากระเนื้อให้หายได้ กระเนื้อเป็นการเจริญเติบโตของผิวหนังชั้นนอก ซึ่งการทาครีมมักจะไม่ได้ลงลึกถึงระดับที่สามารถเปลี่ยนแปลงการเติบโตนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ครีมบางชนิดที่มีส่วนผสมของยาภายใต้การดูแลของหมอ อาจช่วยให้กระเนื้อบางลงหรือดูจางลงได้บ้าง แต่ไม่สามารถกำจัดกระเนื้อให้หายสนิทได้
สรุป
กระเนื้อเป็นตุ่มหรือติ่งเนื้อบนผิวหนังที่มีสีตั้งแต่น้ำตาลอ่อนถึงดำ ไม่เป็นอันตรายและไม่ใช่มะเร็งผิวหนัง เกิดจากการสัมผัสแสงแดด อายุที่เพิ่มขึ้น ฮอร์โมน และพันธุกรรม มีหลายวิธีรักษาทั้งการจี้ด้วยสารเคมี ความเย็น ไฟฟ้า และเลเซอร์ การปรึกษาหมอผิวหนังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม ลลิษาคลินิกมีทีมหมอผิวหนังผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและนำเสนอทางเลือกการรักษาที่ตรงจุด เพื่อผิวที่เรียบเนียนและสุขภาพดีของคุณ
แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูลกระเนื้อ
Mayo Clinic Staff. Jan 18, 2022. Seborrheic keratosis
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/seborrheic-keratosis/symptoms-causes/syc-20353878
clevelandclinic. Seborrheic keratosis
https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/21721-seborrheic-keratosis
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน) และ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น 4