รวมวิธีรักษากระแดดให้จางไว พร้อมเคล็ดลับป้องกันผิวเสีย

กระแดดSolar Lentigo คืออะไร รักษายังไง

กระแดด หนึ่งในปัญหาผิวที่พบบ่อยในคนไทย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเผชิญแสงแดดเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างขับรถ เดินกลางแจ้ง หรือทำงานกลางแดด รังสี UV ที่สะสมทุกวันอาจกระตุ้นให้ผิวเกิดเป็นจุดสีน้ำตาลเล็ก ๆ หรือที่เรียกว่า “กระแดด” บนใบหน้าได้โดยไม่รู้ตัว

บทความนี้ หมอจะพาไปรู้จักกับสาเหตุของกระแดด พร้อมแชร์แนวทางการรักษาอย่างถูกวิธี และวิธีป้องกันไม่ให้ผิวต้องเผชิญกับกระแดดซ้ำอีก

กระแดด คืออะไร

กระแดด (Solar Lentigines) คือภาวะผิวหนังที่มีจุดสีน้ำตาลหรือสีเข้มกว่าผิวปกติปรากฏขึ้น มักพบในบริเวณที่สัมผัสรังสี UV จากแสงแดดเป็นเวลานานหรือบ่อยครั้ง เช่น ใบหน้า โหนกแก้ม หน้าผาก และหลังมือ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุมากขึ้นหรือผู้ที่เผชิญแสงแดดเป็นประจำโดยไม่มีการป้องกันผิว

ลักษณะของกระแดด

กระแดดมีลักษณะเป็นจุดหรือแผ่นแบนที่มีขอบชัดเจน สีของกระจะอยู่ในช่วงตั้งแต่น้ำตาลอ่อนไปจนถึงน้ำตาลเข้ม มักไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือคัน ขนาดของกระสามารถขยายใหญ่ขึ้นได้เรื่อย ๆ หากผิวหนังได้รับแสงแดดสะสมเป็นเวลานาน โดยกระแดดมักพบในผู้สูงอายุหรือผู้ที่โดนแสงแดดโดยไม่ป้องกันผิวอย่างต่อเนื่อง

กระแดด เกิดจากอะไร

สาเหตุเกิดกระแดด

สาเหตุหลักของกระแดด คือการได้รับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดสะสมเป็นระยะเวลานานโดยไม่มีการป้องกัน ซึ่งจะกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocytes) ทำงานผิดปกติ และผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไป นอกจากนี้ยังมีปัจจัยร่วมอื่น ๆ เช่น

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น
    ผู้สูงอายุจะมีโอกาสเกิดกระแดดมากขึ้น เนื่องจากผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและกลไกป้องกันตัวเองจากแสงแดดลดลง
  • ฮอร์โมนในร่างกาย
    การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงตั้งครรภ์ หรือช่วงที่ใช้ยาคุมกำเนิด สามารถกระตุ้นให้เซลล์เม็ดสีทำงานมากขึ้นและทำให้เกิดกระแดดได้ง่ายขึ้น
  • พันธุกรรมและสภาพผิว
    บางคนมีแนวโน้มทางพันธุกรรมที่ทำให้ผิวไวต่อแสงแดดและเกิดกระง่ายกว่าคนอื่น ๆ
  • พฤติกรรมการใช้ชีวิต
    การทำงานกลางแจ้งหรือกิจกรรมที่ต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานานโดยไม่ทาครีมกันแดดหรือป้องกันผิวอย่างเหมาะสม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดกระแดดได้มากขึ้น

กระแดด อันตรายไหม

กระแดดไม่ใช่ภาวะที่เป็นอันตรายต่อร่างกายโดยตรง ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยหรือพัฒนาไปเป็นมะเร็งผิวหนัง แต่อย่างไรก็ตาม กระแดดส่งผลต่อความสม่ำเสมอของสีผิว ทำให้ผิวดูหมองคล้ำ ไม่เรียบเนียน และอาจเพิ่มจำนวนหรือขนาดขึ้นเมื่อได้รับแสงแดดอย่างต่อเนื่อง หากปล่อยไว้นานโดยไม่ดูแลรักษา อาจทำให้รักษายากและต้องใช้เวลานานขึ้นในการฟื้นฟูผิว

ตำแหน่งที่พบกระแดดได้บ่อย

ตำแหน่งที่มักจะพบกระแดด

บริเวณใบหน้าและคอ

  • กระแดดที่ใบหน้า: เป็นตำแหน่งที่พบได้บ่อยที่สุด เนื่องจากเป็นบริเวณที่สัมผัสแสงแดดโดยตรงในชีวิตประจำวัน พบได้บ่อยบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก หรือสันจมูกและมักจะเด่นชัดขึ้นเมื่อเจอแสงแดดเป็นประจำ
  • กระแดดที่ปาก: มักเกิดบริเวณเหนือริมฝีปากบน โดยเฉพาะในผู้ที่ไม่ใช้กันแดดบริเวณรอบปาก อาจดูคล้ายฝ้า แต่ขอบจะคมชัดและมีสีเข้มจากเม็ดสีสะสม
  • กระแดดที่คอ: พบได้บ่อยในคนที่ทาครีมกันแดดเฉพาะใบหน้าแต่ละเลยบริเวณคอ ทำให้เกิดจุดหรือปื้นสีน้ำตาล โดยเฉพาะด้านหน้าและด้านข้างของลำคอ

บริเวณที่ลำตัวส่วนบนและลำตัวส่วนล่าง

  • กระแดดที่มือ: หลังมือเป็นจุดที่โดนแดดบ่อยโดยไม่รู้ตัว เช่น ขณะขับรถ ทำให้เกิดจุดสีน้ำตาลที่มีขอบชัดเจน และเพิ่มจำนวนมากขึ้นตามอายุ
  • กระแดดที่แขน: มักเกิดที่ท่อนแขนด้านนอก โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานกลางแจ้งหรือใส่เสื้อแขนสั้นบ่อย จะเห็นจุดกระแดดชัดในแนวที่รับแสง
  • กระแดดที่ขา: พบได้น้อยกว่า แต่สามารถเกิดได้ในผู้ที่ใส่กางเกงสั้นหรือกระโปรงเป็นประจำโดยไม่ทากันแดด ทำให้ผิวบริเวณต้นขาหรือหน้าแขนขาเกิดจุดสีน้ำตาลได้

วิธีรักษากระแดด ให้ปลอดภัยและเห็นผล

การรักษากระแดด บางกรณีอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกันถึงจะได้ผลชัดเจน ขึ้นอยู่กับปัจจัย เช่น ตำแหน่ง จำนวน ขนาด และความรุนแรงของกระ โดยวิธีที่หมอแนะนำ มีดังนี้

  1. ใช้เวชสำอางที่ช่วยลดเม็ดสี
    การเลือกใช้ครีมที่มีส่วนผสมช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี เช่น Vitamin C, Arbutin, Niacinamide หรือ Tranexamic acid สามารถช่วยให้รอยกระค่อย ๆ จางลงได้ ควรใช้ต่อเนื่องอย่างน้อย 6–8 สัปดาห์ และควรทาครีมกันแดดควบคู่ทุกวัน
  2. ผลัดเซลล์ผิวด้วยกรดผลไม้ (Chemical Peel)
    การใช้กรดผลไม้เข้มข้นในระดับที่ปลอดภัยเพื่อผลัดเซลล์ผิวชั้นบนออก จะช่วยให้รอยกระค่อย ๆ จางลง พร้อมกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ให้เรียบเนียนขึ้น ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อป้องกันการระคายเคือง
  3. รักษากระแดดด้วยเลเซอร์
    การรักษากระแดดด้วยเลเซอร์ถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็วและแม่นยำ โดยเลเซอร์จะทำหน้าที่กำจัดเม็ดสีเมลานินที่อยู่ผิดตำแหน่งออกจากชั้นผิว ซึ่งช่วยให้รอยกระจางลงและผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น โดยเลเซอร์ที่นิยมใช้ มีดังนี้
    • Q-Switched Nd:YAG Laser
      เป็นเลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานเป็นจังหวะสั้น ๆ เพื่อทำลายเม็ดสีเมลานินโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับกระแดดที่มีสีเข้มหรือฝังลึก เห็นผลชัดหลังทำ 2–3 ครั้ง และแทบไม่ทำลายผิวรอบข้าง
    • Fractional Laser
      ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวพร้อมกับลดเลือนจุดสีเข้ม นิยมใช้ร่วมกับกระชนิดที่ฝังลึกหรือผิวมีปัญหาร่วม เช่น ริ้วรอย หรือรูขุมขนกว้าง ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นในระยะยาว
    • IPL (Intense Pulsed Light)
      ใช้คลื่นแสงหลายช่วงความยาวในการลดเม็ดสีและกระตุ้นผิว เหมาะกับกระแดดตื้นและช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างทั่วหน้า
    • Picoway Laser
      เป็นเลเซอร์รุ่นล่าสุดที่ใช้เทคโนโลยีพลังงานแบบพัลส์สั้นมาก (picosecond) ทำให้สามารถสลายเม็ดสีได้ดีกว่าและลดความเสี่ยงการเกิดความร้อนที่ผิว เหมาะสำหรับกระแดดที่ฝังลึกและผิวบอบบาง ช่วยให้ฟื้นตัวไวและลดผลข้างเคียง
    • Vbeam Laser
      เป็นเลเซอร์แบบ Pulsed Dye Laser ที่ช่วยลดรอยแดงและเส้นเลือดขยายใต้ผิวหนังได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีกระแดดร่วมกับรอยแดงหรือผิวบอบบาง ทำให้ผิวดูเนียนเรียบและสีผิวสม่ำเสมอขึ้น
  4. ปรับพฤติกรรมและป้องกันแสงแดด
    แม้จะรักษากระแล้ว แต่หากยังโดนแดดซ้ำก็อาจกลับมาใหม่ได้ง่าย การทากันแดดทุกวัน เลือก SPF50+ PA++++ และทาซ้ำเมื่อต้องอยู่กลางแจ้งนาน ๆ รวมถึงสวมหมวกหรือใส่เสื้อแขนยาว จะช่วยลดการกระตุ้นเม็ดสีใหม่

การรักษากระแดดไม่ใช่เรื่องยากถ้าเราเลือกวิธีที่เหมาะสมและปลอดภัย หมอแนะนำทั้งการใช้ครีมลดเม็ดสี หรือการทำเลเซอร์ ซึ่งช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาสวยใสอย่างเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการดูแลปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างจริงจัง เพราะถ้าไม่ป้องกัน กระแดดก็อาจกลับมาใหม่ได้

วิธีดูแลผิว หลังรักษากระแดด

วิธีดูแลผิวหลังรักษากระแดด
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์หลังรักษา
  • ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไปทุกวัน
  • ใช้ครีมบำรุงผิวอ่อนโยน เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • หลีกเลี่ยงการขัดหรือถูผิวแรง ๆ ในช่วงฟื้นตัว

หลังรักษากระแดด การดูแลผิวคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผิวสวยใสอยู่กับเราไปนาน ๆ เพราะผิวยังบอบบาง จึงจำเป็นต้องดูแลและปกป้องอย่างดี

วิธีป้องกันไม่ให้กระแดดกลับมาเกิดซ้ำ

  • ทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป ทุกวันอย่างสม่ำเสมอ
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดช่วง 10.00–16.00 น.
  • ทากันแดดซ้ำทุก 2–3 ชั่วโมงเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง
  • ใช้ครีมบำรุงที่ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน
  • หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือผลัดเซลล์ผิวบ่อยเกินไป

คำถามที่พบบ่อย

กระแดด หายเองได้ไหม?

ส่วนใหญ่กระแดดไม่หายเอง เพราะเกิดจากเม็ดสีเมลานินที่สะสมลึกในชั้นผิว หากไม่ได้รับการรักษาหรือป้องกัน รอยกระอาจชัดขึ้นและกระจายเพิ่มมากขึ้นเมื่อโดนแดดซ้ำ

กระแดดต่างจากฝ้าอย่างไร?

กระแดดมักเป็นจุดเล็ก ๆ สีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม ขอบชัดเจน ส่วนฝ้าจะเป็นปื้นขนาดใหญ่ สีออกน้ำตาลหรือเทา ขอบไม่ชัด และมักเกิดจากปัจจัยฮอร์โมนร่วมกับแสงแดด

กระแดดกลับมาเป็นซ้ำได้ไหม?

ถ้าไม่ป้องกันแสงแดดอย่างถูกวิธี หรือไม่ดูแลผิวอย่างเหมาะสมหลังรักษา กระแดดสามารถกลับมาใหม่ได้เหมือนเดิม

เลเซอร์รักษากระแดดเจ็บไหม?

ส่วนใหญ่จะรู้สึกแค่ความร้อนหรือดีดเบา ๆ บนผิว บางคนอาจใช้ยาชาช่วยลดความรู้สึกได้ ทำให้รู้สึกไม่เจ็บมาก

สรุป

กระแดดแม้ไม่เป็นอันตรายรุนแรง แต่ถ้าปล่อยไว้อาจลุกลามและรักษายากขึ้น การดูแลและรักษาอย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่น ๆ รวมถึงการป้องกันแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ผิวสวยอยู่กับเราได้อย่างยาวนานแน่นอน

แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูลกระแดด

dermnetnz. Solar lentigo
https://dermnetnz.org/topics/solar-lentigo

บทความโดย

ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว

ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน)