คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
Subcision หลุมสิว คืออะไร? รักษาหลุมสิวได้จริงไหม
หลุมสิวเป็นปัญหาผิวที่หลายคนกังวลและมองหาวิธีรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมและเห็นผลชัดเจนคือการทำ Subcision รักษาหลุมสิว ซึ่งเป็นการรักษาที่ช่วยเลาะพังผืดใต้ผิวหนัง ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นและผิวหน้าเรียบเนียนขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน พร้อมกับผลลัพธ์ที่ยาวนานและปลอดภัย
Subcision หลุมสิว คืออะไร?
Subcision เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยฟื้นฟูและรักษาปัญหาหลุมสิว ซึ่งมักเกิดจากการสมานแผลที่ไม่สมบูรณ์หลังการเป็นสิวอักเสบ สิวหัวช้าง หรือสิวติดเชื้อแบคทีเรีย เมื่อแผลหายแล้ว พังผืดที่ดึงรั้งใต้ผิวหนังทำให้เกิดรอยบุ๋มหรือหลุมสิว ส่งผลให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียน
หลักการของ Subcision คือการใช้เข็มปลายทู่ หรือเข็มที่ออกแบบพิเศษ สอดเข้าไปใต้ผิวหนังบริเวณหลุมสิว เพื่อตัดพังผืดที่ดึงรั้งผิวออก ส่งผลให้ผิวกลับมาเรียบขึ้น
หลุมสิวแบบไหนที่เหมาะกับการทำ Subcision
การทำ Subcision เหมาะสำหรับหลุมสิวที่มีพังผืดใต้ผิวหนังดึงรั้งผิวลงไป ซึ่งการเลาะพังผืดนี้จะช่วยทำให้หลุมสิวตื้นขึ้นได้ โดยหลุมสิวที่เหมาะสมกับการทำ Subcision ได้แก่
- หลุมสิวแอ่งกระทะ (Rolling Scar)
เป็นหลุมสิวที่มีลักษณะขอบเรียบ ลาดลงไปใต้ชั้นผิวเหมือนก้นกระทะ ทำให้ผิวดูเป็นคลื่น สาเหตุเกิดจากพังผืดใต้ผิวดึงรั้ง ซึ่งมักเกิดจากการบีบหรือแกะสิว มีรุนแรงน้อย ลักษณะหลุมกว้างประมาณ 4-5 มิลลิเมตร จึงเหมาะที่สุดสำหรับ Subcision เนื่องจากพังผืดสามารถถูกเลาะได้ง่าย และการกระตุ้นคอลลาเจนช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น - หลุมสิวแบบกล่อง (Boxcar Scar)
เป็นหลุมสิวมีขอบชัดเจนและก้นหลุมแบน ลักษณะเหมือนกล่อง ขนาดประมาณ 3-5 มิลลิเมตร มักเกิดจากสิวอักเสบที่ลุกลามหรือแผลอีสุกอีใส มีทั้งแบบตื้นและแบบลึก การทำ Subcision จึงใช้ได้ดีในบางกรณี โดยเฉพาะหลุมสิวที่มีพังผืดดึงรั้ง หากไม่มีพังผืดอาจต้องใช้วิธีรักษาอื่นร่วมด้วย
หลุมสิวที่ไม่เหมาะกับการทำ Subcision
หลุมสิวแบบจิก: เป็นหลุมสิวที่มีลักษณะปากแคบ ก้นหลุมลึก ลักษณะคล้ายกรวยหรือเข็มจิกลงไปในชั้นผิว มักเกิดจากการบีบสิวอุดตันหรือสิวอักเสบรุนแรง เป็นหลุมสิวระดับรุนแรง มีทั้งแบบตื้น (0.1-0.5 มิลลิเมตร) และลึก (มากกว่า 0.5 มิลลิเมตร) การรักษาโดยการทำ Subcision อาจไม่เหมาะ เนื่องจากหลุมแคบและลึกเกินไป การรักษาอาจต้องใช้วิธีอื่น เช่น TCA Cross หรือเลเซอร์
Subcision เจ็บไหม?
ขณะทำ Subcision อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง โดยแพทย์จะใช้ยาชาเพื่อลดความเจ็บ หลังทำอาจมีอาการฟกช้ำเล็กน้อย แต่หายได้เองใน 1-2 สัปดาห์
Subcision ทำกี่ครั้งและกี่วันถึงจะเห็นผล?
จำนวนครั้งที่ต้องทำขึ้นอยู่กับประเภท ระดับความรุนแรงของหลุมสิว และการตอบสนองของผิวแต่ละคน โดยหลุมสิวตื้น จะเห็นผลใน 1-2 ครั้ง แต่หลุมสิวลึก อาจต้องทำ 3-5 ครั้งขึ้นไป และควรเว้นระยะการทำทุก 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวได้ฟื้นตัว
Subcision และ Pico Laser ต่างกันอย่างไร?
Subcision และ Pico Laser ต่างกันที่วิธีการรักษาและจุดประสงค์การใช้งาน โดยหลักการของ Subcision คือการใช้เข็มเลาะพังผืดใต้หลุมสิว เหมาะสำหรับหลุมสิวลึก เช่น Rolling Scar และ Boxcar Scar ที่เกิดจากพังผืดดึงรั้งผิว ขณะที่ Pico Laser จะใช้พลังงานเลเซอร์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ช่วยลดรอยดำ รอยแดง และปรับผิวเรียบเนียน เหมาะกับหลุมสิวตื้นและหลุมแบบ Ice Pick Scar
การเลือกวิธีรักษานั้นขึ้นอยู่กับลักษณะหลุมสิวและการประเมินของแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ ก่อนการตัดสินใจทำจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาให้ปลอดภัยและเห็นผลมากที่สุด
Subcision สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือไม่
Subcision สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ เพื่อเสริมผลลัพธ์ในการรักษาหลุมสิวและปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนขึ้น โดยหัตถการที่มักใช้ร่วมกัน ได้แก่
- Pico Laser หรือ Fractional Laser เพื่อใช้เลเซอร์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและปรับพื้นผิว
- Filler เติมเต็มหลุมสิว
- TCA Cross ใช้กรด TCA เติมเต็มหลุมสิวเฉพาะจุด
หลังการทำ Subcision อาจมีอาการบวมช้ำในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก การทำหัตถการอื่นในช่วงนี้ จึงควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางเพื่อวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นกับผิว
ขั้นตอนการทำ Subcision หลุมสิว
1. การประเมินและวางแผนการรักษา: ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความรุนแรงของหลุมสิวและวางแผนการรักษา แพทย์อาจแนะนำหัตถการอื่นร่วมด้วยเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
2. การเตรียมผิว: ทำความสะอาดผิวหน้าและทายาชาเฉพาะที่ หรืออาจฉีดยาชาเฉพาะจุดเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด
3. การทำ Subcision: แพทย์จะใช้เข็มสอดลงใต้ผิวหนังเพื่อเลาะพังผืดที่ดึงรั้งหลุมสิว ระหว่างทำอาจมีเลือดออกเล็กน้อยที่บริเวณทางเข้าเข็ม
4. การดูแลหลังทำ: หลังทำอาจมีรอยเข็มและความช้ำ สามารถประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมได้
5. การติดตามผล: ควรพบแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษาตามนัดเพื่อป้องกันผลข้างเคียงต่อผิว
ข้อดีของการทำ Subcision หลุมสิว
- ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้น: Subcision ช่วยเลาะพังผืดใต้ผิวหนังที่ดึงรั้งผิว ทำให้หลุมสิวยกตัวและตื้นขึ้นอย่างเห็นผล
- เจ็บน้อยและไม่ต้องพักฟื้น: ระหว่างทำจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย โดยหลังการรักษาสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- เหมาะสำหรับหลุมสิวประเภทแอ่ง: Subcision เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิวประเภท Rolling Scar และ Boxcar Scar ที่มีพังผืด
- เห็นผลเร็ว: สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่รักษาครั้งแรก โดยหลุมสิวจะตื้นและผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น
- ไม่มีรอยแผลเป็น: การตัดพังผืดจาก Subcision ทำให้แผลมีขนาดเล็กมาก จึงไม่ทำให้เกิดแผลเป็น
- ไม่ทำให้หน้าบาง: แตกต่างจากบางวิธีที่อาจทำให้ผิวหนังบางลง
- ค่าใช้จ่ายไม่สูง: เมื่อเทียบกับการรักษาหลุมสิวด้วยเลเซอร์ Subcision เป็นตัวเลือกที่มีค่าใช้จ่ายที่ย่อมเยากว่า
ข้อเสียของการทำ Subcision หลุมสิว
- อาการเจ็บระหว่างและหลังทำ: แม้จะมีการใช้ยาชา แต่ผู้ที่ทำอาจรู้สึกเจ็บและตึงบริเวณที่ทำในระหว่างและหลังการรักษา
- อาการบวมและฟกช้ำ: หลังทำอาจเกิดการบวมและฟกช้ำใต้ผิวหนัง ซึ่งจะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์
- ไม่เหมาะกับหลุมสิวบ้างประเภท: Subcision อาจไม่ได้ผลดีในหลุมสิวประเภท Ice Pick Scar ที่มีลักษณะลึกและแคบ
- ความเสี่ยงจากการติดเชื้อหรือแผลเป็น: มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อหรือแผลเป็นได้ หากทำในคลินิกที่ไม่มีมาตรฐานหรือแพทย์ไม่มีประสบการณ์
วิธีดูแลตนเองหลังทำ Subcision หลุมสิว
- ประคบเย็น: หลังการทำ Subcision อาจมีอาการบวมและฟกช้ำ สามารถประคบเย็นบริเวณที่ทำเพื่อช่วยลดอาการบวมและฟกช้ำในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสผิว: หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือการกดแรง ๆ บริเวณที่ทำ Subcision เพื่อลดการระคายเคืองและป้องกันการติดเชื้อ
- ทายาตามคำแนะนำของแพทย์: แพทย์อาจแนะนำให้ทายาฆ่าเชื้อหรือครีมบำรุงเพื่อช่วยลดการอักเสบและช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิว
- หลีกเลี่ยงการออกแดด: หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง 1-2 สัปดาห์แรกหลังการทำ Subcision เพื่อป้องกันการระคายเคืองและการเกิดรอยแผลเป็น
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก: หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมากหรือการทำกิจกรรมที่อาจทำให้ผิวเกิดแรงกระแทกภายใน 1 สัปดาห์หลังการรักษา
- ไม่บีบหรือแกะผิว: ห้ามบีบหรือแกะผิวในบริเวณที่ทำ Subcision แม้จะมีการตกสะเก็ดหรือผิวแห้ง
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอ่อนโยน: เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยนและไม่มีสารเคมีที่รุนแรง เช่น เจลหรือครีมที่ปราศจากแอลกอฮอล์
- ติดตามผลกับแพทย์: ควรไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษาและประเมินสภาพผิว
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยจากการทำ Subcision หลุมสิว มีอะไรบ้าง
การทำ Subcision สำหรับหลุมสิวเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหาหลุมสิว แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงที่พบบ่อย เช่น
- บวมและฟกช้ำ: บริเวณที่ทำการรักษาอาจเกิดอาการบวมและมีรอยฟกช้ำ ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์
- เจ็บหรือแสบ: การทำ Subcision อาจทำให้รู้สึกเจ็บหรือแสบในบริเวณที่รักษา ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้ยาชาหรือยาแก้ปวด
- เลือดออกเล็กน้อย: อาจมีเลือดออกจากบริเวณที่ใช้เข็ม Subcision ซึ่งเป็นเรื่องปกติและจะหยุดภายในไม่กี่นาที
- รอยแผลเป็น: แม้ว่า Subcision จะช่วยปรับสภาพผิว แต่ในบางกรณีอาจเกิดรอยแผลเป็นหรือผิวหนังที่บอบบางได้
- การติดเชื้อ: การรักษาด้วย Subcisionอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อหากไม่ดูแลแผลหลังการรักษาอย่างถูกวิธี
การดูแลแผลหลังการทำ Subcision เช่น การใช้ครีมที่ช่วยฟื้นฟูผิวและหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเชื้อโรค จะช่วยลดผลข้างเคียงและให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
Subcision รักษาหลุมสิว อันตรายไหม?
Subcision เป็นหัตถการที่ค่อนข้างปลอดภัยเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและในสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน แต่ยังคงมีความเสี่ยงบางอย่าง เช่น อาการบวมและฟกช้ำ การติดเชื้อ หรือในบางกรณีอาจต้องทำหลายครั้งเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดความเสียหายให้กับผิวหนัง
ทำ Subcision หลุมสิว ที่ไหนดี?
การเลือกคลินิกเพื่อทำ Subcision หลุมสิว ควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ความเชี่ยวชาญของแพทย์, ความสะอาดและมาตรฐานของคลินิก, คำรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการ รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการรักษา
สำหรับ ลลิษาคลินิก (Lalisa Clinic) เป็นหนึ่งในคลินิกที่ได้รับความนิยมและมีความเชี่ยวชาญในการรักษาหลุมสิว รวมถึงการทำ Subcision โดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ในการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและมาตรฐาน เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยสำหรับผู้เข้ารับบริการ
คำถามที่พบบ่อย
Subcision หลุมสิว กี่วันรอยช้ำถึงหาย?
รอยช้ำจากการทำ Subcision มักจะหายภายใน 5-7 วัน ขึ้นอยู่กับการดูแลแผลหลังการรักษาและความรุนแรงของการทำ Subcision ในบางกรณีอาจใช้เวลานานขึ้น
Subcision หลุมสิว ต้องทำห่างกันกี่อาทิตย์?
ควรทำห่างกันประมาณ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ผิวมีเวลาในการฟื้นฟูและการผลิตคอลลาเจนใหม่ ซึ่งจะช่วยในการปรับสภาพหลุมสิวให้ดีขึ้น การทำบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวเสียหายได้
Subcision อย่างเดียวได้หรือไม่?
Subcision สามารถทำได้เพียงอย่างเดียว แต่ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิธีการอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้เลเซอร์ หรือการเติมฟิลเลอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวและลดหลุมสิวให้ดีขึ้น
Subcision เข็มทู่ ดีอย่างไร?
Subcision เข็มทู่ คือการใช้เข็มทู่แทนเข็มคมในการเลาะพังผืดใต้ผิวหนัง ช่วยลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บและติดเชื้อ เพราะเข็มทู่ไม่คมและปลอดภัยกว่า เข็มทู่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวให้ผิวกระชับเรียบเนียนขึ้น โดยมีอาการเจ็บน้อยและฟื้นตัวเร็ว
สรุป
Subcision คือการรักษาหลุมสิวโดยการใช้เข็มตัดพังผืดที่ดึงรั้งผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้หลุมสิวตื้นขึ้นและผิวเรียบเนียน เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาหลุมสิวมานาน ทั้งหลุมตื้นและลึก ก่อนตัดสินใจทำ ควรศึกษาขั้นตอนการรักษา การดูแลตนเองหลังทำ รวมถึงข้อดี-ข้อเสีย และเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูล Subcision
Subcision for Acne Scars: Treatment and Effectiveness. Sara Perkins. Written by Carly Vandergriendt on February 8, 2021.
https://www.healthline.com/health/subcision
Dr Ian Logan,Hammersmith Hospital, Dermatology Specialist Registrar, London, United Kingdom; Chief Editor: Dr Amanda Oakley, Dermatologist, Hamilton, New Zealand, November 2015.
https://dermnetnz.org/topics/subcision
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน)