12 วิธีรักษาสิวด้วยตัวเอง อย่างปลอดภัย ลดสิวได้โดยไม่ทำร้ายผิว

รักษาสิว

การรักษาสิวให้หายนั้นมีหลากหลายวิธี ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลมากมายในอินเทอร์เน็ต แต่ไม่ใช่ทุกวิธีจะปลอดภัยและเหมาะกับทุกสภาพผิว การเลือกแนวทางที่ถูกต้องจึงสำคัญมาก เพื่อให้สิวลดลงได้โดยไม่ทิ้งรอยหรือทำร้ายผิว

บทความนี้หมอตาลได้รวบรวม 12 วิธีดูแลและจัดการปัญหาสิว ทั้งสิวอุดตัน สิวผด สิวอักเสบ สิวหัวช้าง และสิวฮอร์โมน รวมถึงสิวที่ขึ้นตามร่างกายอย่างสิวที่หลังมาให้แล้ว พร้อมวิธีเลือกการรักษาสิวที่ไหนดี เพื่อให้คุณสามารถรับมือได้อย่างปลอดภัย

รู้จัก! สิว

@laliza.clinic

สิวคืออะไร เกิดจากอะไร มาฟังคุณหมออธิบายกัน🥰 Lalizaclinic ลลิษาคลินิก ความรู้เรื่องสิว

♬ เสียงต้นฉบับ – Laliza Clinic – Laliza Clinic

สิว คือภาวะที่รูขุมขนเกิดการอุดตัน โดยปกติแล้วต่อมไขมันใต้ผิวหนังจะสร้างไขมันออกมาเพื่อทำให้ผิวชุ่มชื้น แต่ถ้าทางเดินของไขมันถูกปิดกั้น ก็จะทำให้เกิดสิวอุดตันที่มีลักษณะเป็นตุ่มเล็ก ๆ สีขาวอยู่ใต้ผิวหนัง

เมื่อแบคทีเรียเข้าไปในตุ่มสิวที่อุดตันก็จะทำให้เกิดสิวอักเสบขึ้นมา ซึ่งอาจมีลักษณะเป็นสิวหัวหนอง สิวหัวช้าง หรือซีสต์ได้

สาเหตุของการเกิดสิว

สิวเกิดจากหลายสาเหตุที่ทำงานร่วมกัน โดยมีกลไกหลัก 4 อย่างคือ ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป, เซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกไปอุดตันรูขุมขน, แบคทีเรียเจริญเติบโตจนทำให้เกิดการอักเสบ และสุดท้ายคือการอักเสบของผิวหนังบริเวณนั้นเอง

นอกจากปัจจัยภายในร่างกายอย่างความเครียด ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง และพันธุกรรมแล้ว ปัจจัยภายนอกอย่างการใช้เครื่องสำอางที่มีน้ำมันก็มีส่วนทำให้เกิดสิวได้เช่นกัน

12 วิธีรักษาสิว คู่มือดูแลผิวให้กลับมาเนียนใส

วิธีการรักษาสิวมีหลากหลายวิธี ตั้งแต่การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันไปจนถึงการรักษาโดยแพทย์ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 12 วิธีหลัก ดังนี้

1. วิธีรักษาสิว โดยการทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อลดปัญหาสิว

@laliza.clinic

ล้างหน้่าบ่อยๆดีมั้ย🤔⁉️ Lalizaclinic ลลิษาคลินิก ความรู้เรื่องสิว รักษาผิวหนัง

♬ original sound – Laliza Clinic – Laliza Clinic

การล้างหน้าคือจุดเริ่มต้นของการดูแลผิวที่ดี แค่ล้างวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก็พอ เลือกคลีนเซอร์ที่อ่อนโยนกับผิวของเราจริง ๆ ไม่ใช่แบบที่ล้างแล้วหน้าแห้งตึง เพราะนั่นจะทำให้ผิวระคายเคืองและอุดตันง่ายขึ้น ล้างเพื่อเอาความมันส่วนเกินกับสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนออกไปก็พอ

2. รักษาสิว โดยการเลือกใช้สกินแคร์หรือเซรั่มรักษาสิว

เวลาจะซื้อสกินแคร์ ลองพลิกดูส่วนผสมกัน มองหาพวกที่มีตัวช่วยลดสิวอย่าง BHA (กรดซาลิไซลิก) หรือไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) เพราะจะช่วยลดการอักเสบ คุมความมัน และลดแบคทีเรียตัวร้ายที่เป็นต้นเหตุของสิวได้ตรงจุดเลย

3. วิธีรักษาสิว โดยยากินรักษาสิว

ต้องบอกว่าไม่ใช่ยาคุมทุกยี่ห้อจะช่วยเรื่องสิวได้ แต่เป็นยาคุมสูตรพิเศษที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนที่ช่วยแก้ปัญหาสิวได้ตรงจุด ปกติแล้ว สิวส่วนใหญ่จะเกิดจากฮอร์โมนเพศชาย หรือแอนโดรเจนที่ไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันบนผิวผลิตน้ำมันออกมาเยอะเกินไป จนอุดตันและกลายเป็นสิวขึ้นมา ซึ่งยาคุมที่ใช้รักษาสิวจะเข้าไปช่วย ลดระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน ทำให้ผิวผลิตน้ำมันน้อยลง สิวเลยไม่ค่อยขึ้นนั่นเอง

4. รักษาสิว โดยยาทารักษาสิว

กรณีที่สิวรุนแรงมาก ๆ หรือเป็นสิวฮอร์โมนที่แก้ไม่หายสักที หมออาจจะแนะนำให้กินยาด้วย เช่น

• ยาปฏิชีวนะ: กินเพื่อลดการอักเสบและควบคุมแบคทีเรีย
• ยากลุ่มวิตามินเอ (อย่าง Isotretinoin): ใช้กับสิวรุนแรงที่ไม่ตอบสนองต่อวิธีอื่น ๆ
• ยาคุมกำเนิดบางชนิด: ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนได้ แต่ต้องปรึกษาคุณหมอก่อนใช้เสมอ

5. วิธีรักษาสิวโดยหัตถการทางการแพทย์

ถ้าอยากให้สิวหายเร็ว ๆ หรืออยากได้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ลองไปหาคุณหมอผิวหนังดู ซึ่งคุณหมอมีหลายวิธีที่ช่วยได้ เช่น

• เลเซอร์สิว: ช่วยลดรอยแดงรอยดำจากสิว
• การฉีดสิว: ช่วยลดสิวอักเสบให้ยุบเร็วทันใจ
• การทำเคมีลอกผิว (Chemical Peel): ทำให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น และลดสิวอุดตัน

6. เลือกใช้เครื่องสำอางที่เหมาะกับผิวที่เป็นสิว

เวลาแต่งหน้า หรือเลือกใช้เครื่องสำอาง ลองมองหาคำว่า “non-comedogenic” ที่แปลว่า “ไม่อุดตันรูขุมขน” และที่สำคัญที่สุดคือต้องล้างหน้าให้สะอาดหมดจดก่อนนอนทุกครั้ง ห้ามขี้เกียจเด็ดขาด

7. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ

นี่เป็นข้อที่สำคัญที่สุดเลย การเอามือไปจับหน้าหรือแกะสิวบ่อย ๆ จะทำให้แบคทีเรียจากมือไปทำร้ายผิวหน้า สิวก็จะยิ่งอักเสบหนักกว่าเดิมและอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ให้ช้ำใจอีกด้วย

8. การมาส์กหน้า

ลองหามาส์กที่เหมาะกับผิวเป็นสิวมาใช้ดู พวกมาส์กโคลนหรือมาส์กที่มีส่วนผสมของชาเขียวและน้ำผึ้งจะช่วยบำรุงผิวและลดการอักเสบได้ดีเลย

9. รักษาสิวโดยดูแลร่างกายจากภายใน

การจะมีผิวที่ดี สิวไม่กวนใจ ต้องเริ่มจากการดูแลตัวเองจากข้างใน ลองทำตามวิธีเหล่านี้ดู

• ออกกำลังกายและพักผ่อนให้พอ: การออกกำลังกายช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และร่างกายได้ขับสารพิษออกทางเหงื่อ ส่วนการนอนหลับให้เพียงพอจะช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายสมดุลและผิวได้ฟื้นตัวเต็มที่
• เลือกอาหารดีมีประโยชน์: ลองเน้นอาหารที่ช่วยบำรุงผิวเป็นพิเศษ เช่น ผักใบเขียว ที่ช่วยลดการอักเสบ, ปลาแซลมอน หรือวอลนัท ที่มีโอเมก้า 3 สูง, โยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติกช่วยปรับสมดุลลำไส้ และผลไม้ที่มีวิตามิน C สูงเพื่อช่วยซ่อมแซมผิว
• ดื่มน้ำเปล่าให้เยอะ ๆ : การดื่มน้ำจะช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน ลดการอุดตันของรูขุมขน และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นด้วย

10. การเปลี่ยนหน้ากากอนามัยเป็นประจำ

การใส่หน้ากากอนามัยเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดสิวได้ เพราะแบคทีเรียและสิ่งสกปรกสะสมอยู่บนหน้ากากนั่นเอง ฉะนั้น ถ้าใช้หน้ากากอนามัยแบบใช้แล้วทิ้ง ก็ควรเปลี่ยนใหม่ทุกวัน แต่ถ้าใช้หน้ากากผ้าก็อย่าลืมซักทำความสะอาดเป็นประจำทุกวัน เพื่อที่หน้ากากจะได้สะอาดอยู่เสมอ

11. การใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ

สำหรับคนเป็นสิว ควรเลือกครีมกันแดดสูตรเฉพาะที่เหมาะกับผิวเป็นสิวง่าย อย่างเช่น สูตร Oil-free หรือ Non-comedogenic ที่จะช่วยปกป้องผิวจากแสงยูวีโดยไม่อุดตันรูขุมขน และอย่าลืมทาครีมกันแดดทุกวัน ไม่ว่าจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้าน เพราะรังสียูวีสามารถทะลุผ่านกระจกเข้ามาทำร้ายผิวได้เสมอ การดูแลผิวด้วยวิธีนี้จะช่วยให้ผิวหน้าของคุณแข็งแรงขึ้นได้แน่นอน

12. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

ถ้าลองดูแลสิวเองแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแพ้ที่สงสัยว่ามาจากสกินแคร์หรือหน้ากากอนามัย อย่าฝืนใช้ต่อ ทางที่ดีที่สุดคือไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยตรงเลย แพทย์จะช่วยวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงและแนะนำวิธีรักษาที่ถูกต้อง อาจเป็นการใช้ยาทา ยากิน หรือทำหัตถการต่าง ๆ ที่จะช่วยจัดการปัญหาสิวได้อย่างตรงจุดและปลอดภัย เพื่อให้ผิวหน้ากลับมาแข็งแรงและดูดีอีกครั้ง

แนะนำ! โปรแกรมรักษาสิว เมื่อรักษาสิวด้วยตัวเองไม่ดีขึ้น

สำหรับคนไข้ที่กำลังต้องการรักษาสิว คลินิกผิวหนัง ลลิษา เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะที่นี่มีทีมแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี พร้อมเทคโนโลยีทันสมัยที่จะช่วยวิเคราะห์และรักษาปัญหาสิวได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบ สิวฮอร์โมน หรือสิวอุดตัน ก็สามารถแก้ไขได้อย่างปลอดภัยและเห็นผลจริง ที่สำคัญคือที่นี่ไม่มีเซลล์คอยขายคอร์สกวนใจ

โปรแกรมรักษาสิวที่คลินิกผิวหนังลลิษา อย่าง “Acne Clear” ที่มาพร้อมคอร์สดูแลสิวแบบครบวงจรในราคาเพียง 990 บาท โดยมีถึง 11 ขั้นตอนที่จะช่วยเคลียร์สิวเก่า กดสิว ฉีดสิว ลดรอยดำรอยแดง และฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมติดตามผลแบบใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสิวของคุณจะถูกรักษาอย่างถูกจุดและไม่มีการเลี้ยงไข้ในระยะยาวแน่นอน ถ้าอยากรักษาสิวแบบจริงจังและเห็นผล คลินิกผิวหนังลลิษา ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มาก ๆ เลย

วิธีรักษารอยดำ, รอยแดงจากสิวให้ลดลง

• ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว: มองหาครีม เซรั่ม หรือมาสก์ที่มีส่วนผสมช่วยยับยั้งเม็ดสี เช่น วิตามินซี หรือ ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) เพื่อให้รอยจางลงและผิวดูกระจ่างใสขึ้น

• ทำหัตถการทางการแพทย์: การทำเลเซอร์ เช่น Picosecond Laser หรือ Dual Yellow Laser ช่วยลดเม็ดสีและกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ ส่วนการฉีด เมโสหน้าใส จะช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน

• ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน: หลีกเลี่ยงการแกะ บีบ หรือแคะสิว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดรอยใหม่ และควรสครับผิวเบา ๆ หรือใช้สมุนไพรอย่างว่านหางจระเข้เพื่อลดการอักเสบ

วิธีรักษารอยหลุมสิวให้ลดลง

1. เลเซอร์และ Microneedling: การทำเลเซอร์ Fractional CO2 Laser หรือ Microneedling ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้รอยหลุมตื้นขึ้น
2. การฉีดฟิลเลอร์: ในบางกรณีสามารถใช้ฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็มรอยหลุมสิวได้
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผิว: ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ เรตินอยด์ (Retinoids) จะช่วยเร่งการฟื้นฟูเซลล์ผิวใหม่

หมอแนะนำ! สิ่งที่ไม่ควรทำ ถ้าอยากรักษาสิวให้หาย

1. ไม่แกะ แคะ หรือบีบสิว พฤติกรรมนี้จะทำให้สิวอักเสบและทิ้งรอยดำหรือหลุมสิวตามมา
2. ปกป้องผิวจากแสงแดด แสงยูวีทำให้รอยสิวเข้มขึ้น ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำ
3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ระคายเคือง หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์หรือสครับที่หยาบเกินไป
4. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้ผิวแย่ลง
5. จัดการความเครียด ความเครียดส่งผลต่อฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิวได้ ควรพักผ่อนให้เพียงพอ

รักษาสิวที่ไหนดี ต้องเลือกอย่างไร

การเลือกรักษาสิวที่ไหนดีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ได้ ควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้

• แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: เลือกคลินิกที่มีแพทย์ผิวหนังหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสิวโดยเฉพาะ เพื่อการวินิจฉัยและรักษาที่แม่นยำ เหมาะสมกับปัญหาผิว

• มาตรฐานคลินิก: คลินิกต้องได้รับใบอนุญาต และมีมาตรฐานทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความปลอดภัย

• เทคโนโลยีที่ทันสมัย: คลินิกที่ดีควรใช้เทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน เช่น เลเซอร์หรือทรีตเมนต์ที่ทันสมัย เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาและลดความเสี่ยง

• รีวิวและการบริการ: ควรอ่านรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง และสังเกตการณ์ให้คำปรึกษา รวมถึงการดูแลหลังการรักษา เพื่อให้แน่ใจว่าได้รับบริการที่ดีและน่าประทับใจ

รวมคำถามพบบ่อยเกี่ยวกับการรักษาสิว

มีวิธีรักษาสิวให้หายขาดภายใน 7 วัน ไหมครับ

เป็นไปได้ยาก แต่สามารถช่วยให้สิวยุบเร็วได้ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มี Benzoyl Peroxide หรือ Salicylic Acid ควบคู่กับการพักผ่อน

วิธีรักษาสิวของผู้หญิงกับผู้ชาย เหมือนหรือต่างกันอย่างไรบ้าง

วิธีรักษาพื้นฐานเหมือนกัน แต่ผู้ชายอาจต้องใช้ยาที่เข้มข้นกว่า ส่วนผู้หญิงอาจต้องพิจารณาปัจจัยด้านฮอร์โมน

รักษาสิวด้วยตัวเองหายได้จริงไหมคะ

ทำได้ถ้าสิวไม่รุนแรง แต่ถ้าสิวอักเสบหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

หลังจากรักษาสิวแล้วเป็นรอยสิว ทำยังไงดีคะ?

ใช้ครีมลดรอยที่มีวิตามินซี หรือไนอะซินาไมด์ และหลีกเลี่ยงการแกะ

ใช้ยารักษาสิวแล้วผิวแห้ง แดง ลอก คัน ต้องทำยังไงครับ

ลดความถี่การใช้ยา และใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยน

ระยะเวลาในการรักษาสิวกี่วันถึงหาย?

ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและวิธีรักษา สิวไม่รุนแรงอาจเห็นผลใน 4-6 สัปดาห์ สิวรุนแรงอาจใช้เวลาหลายเดือน

บทสรุปเรื่องการรักษาสิว

การจะสยบสิวให้อยู่หมัดด้วยตัวเองต้องเริ่มจากรากฐานที่ถูกต้อง ทั้งการล้างหน้าให้สะอาดหมดจด เลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิว และดูแลสุขภาพตัวเองจากภายในให้ดี ที่สำคัญคือห้ามแกะหรือบีบสิวเด็ดขาด เพราะจะยิ่งทำให้สิวแย่ลงและทิ้งรอยไว้ให้ช้ำใจเล่น ๆ ถ้าลองทำตามแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือสิวเริ่มบุกหนักกว่าเดิม การปรึกษาแพทย์ผิวหนังคือทางออกที่ดีที่สุด

สำหรับใครที่ต้องการตัวช่วยแบบครบวงจรและเห็นผลจริง ๆ ขอแนะนำโปรแกรม “Acne Clear” จากลลิษาคลินิก ที่จะช่วยจัดการปัญหาสิวของคุณได้อย่างตรงจุดและปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะดูแลอย่างใกล้ชิด ดูรีวิวการรักษาสิว https://lalizaclinic.com/review/