คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
สิวเรื้อรัง เป็นแล้วไม่หายสักที เกิดจากอะไร รักษาอย่างไรให้ถูกจุด
สิวเรื้อรังปัญหาผิวทำให้หนักใจไม่ว่าจะเกิดที่แก้ม ที่คาง ที่หน้าผาก หรือที่หลัง โดยจะสร้างความหงุดหงิดให้กับหลาย ๆ คนที่กำลังเผชิญอยู่ คอยทำให้ความมั่นใจลดลง เนื่องจากต้องใช้เวลาในการรักษานาน และหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี อาจทำให้ปัญหาสิวแย่ลงหรือทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้
สำหรับคนไข้ที่กำลังประสบปัญหาสิวเรื้อรัง บทความนี้จะช่วยให้ท่านเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดสิวเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณแก้ม คาง และหน้าผาก พร้อมแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ผิวกลับมาเรียบเนียนและสุขภาพดีอีกครั้ง
สิวเรื้อรังมักจะเกิดขึ้นที่บริเวณไหนบ้าง
สิวเรื้อรังสามารถเกิดได้ทั่วทั้งร่างกาย โดยเฉพาะในบริเวณที่มีแนวโน้มเกิดสิวได้บ่อย เช่น แก้ม คาง และหน้าผาก ซึ่งตำแหน่งสิวเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของ T-zone บนใบหน้า นอกจากนี้ยังสามารถเกิดบริเวณอื่น ๆ ได้อีก ดังนี้
สิวเรื้อรังที่แก้ม
สิวเรื้อรังที่แก้มมักจะเป็นสิวอุดตันและสิวอักเสบ ซึ่งเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน สาเหตุหลักมาจากการความมันส่วนเกินบนใบหน้า อีกทั้งเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกที่สะสมบนใบหน้า รวมถึงความอับชื้นจากการใส่แมสก์ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้
สิวเรื้อรังที่คาง
สิวเรื้อรังที่คางเป็นบริเวณที่มักเกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบได้บ่อย เมื่อสัมผัสจะรู้สึกเป็นตุ่มนูนและมีหัวสิวอยู่ภายใน สาเหตุหลักของสิวที่คางมักสัมพันธ์กับฮอร์โมนในร่างกายที่ไม่สมดุล หรือการรับประทานอาหารที่รสจัดเกินไป
สิวเรื้อรังที่หน้าผาก
สิวเรื้อรังที่หน้าผากที่พบได้บ่อยคือสิวอุดตัน สิวหัวขาว และสิวหัวดำ เกิดจากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป ส่งผลทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วและแบคทีเรียเกิดการสะสมจนนำไปสู่การอุดตันในรูขุมขน นอกจากนี้ ฝุ่นและมลภาวะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสิวที่หน้าผากได้ หากทำความสะอาดผิวหน้าอย่างไม่เหมาะสม
สิวเรื้อรังที่หลัง
สิวเรื้อรังที่หลังมักเป็นสิวอุดตัน สิวหัวหนองและกลุ่มสิวอักเสบ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายในช่วงวัยรุ่น การสะสมของเหงื่อและแบคทีเรียในรูขุมขนจนทำให้เกิดการอักเสบ รวมถึงการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น ไม่ระบายอากาศ ก็ส่งผลทำให้เกิดสิวเรื้อรังที่หลังได้
สิวเรื้อรังที่จมูก
จมูกเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น จึงมีโอกาสเกิดสิวได้บ่อย สิวเรื้อรังที่จมูกมักเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือการสัมผัสจมูกบ่อยครั้งก็เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวที่จมูกได้เช่นกัน
รู้จักสิวเรื้อรัง คืออะไร
สิวเรื้อรัง หรือ(Severe Acne) คือสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนหรือถุงน้ำใต้ผิวหนังเกิดขึ้นทั่วบริเวณใบหน้าอย่างต่อเนื่อง หรือเกิดขึ้นซ้ำในบริเวณเดิม ๆ มีอาการเจ็บ และมักทิ้งรอยดำ รอยแดงไว้เมื่อสิวยุบลง สิวเรื้อรังอาจพบได้ในหลายรูปแบบ เช่น สิวอุดตัน สิวหัวขาว สิวหัวดำ สิวอักเสบ และสิวหัวหนอง
สาเหตุสิวเรื้อรัง เกิดจากอะไรบ้าง
สิวเรื้อรังมักเกิดจากการอุดตันของต่อมไขมันและสิ่งสกปรกในรูขุมขน หากไม่รีบรักษาอย่างเหมาะสม สิวธรรมดาอาจกลายเป็นปัญหาสิวเรื้อรังได้ โดยปัจจัยที่ส่งผลทำให้เกิดสิวเรื้อรังสามารถเกิดได้ทั้งจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอกร่างกาย ดังนี้
ปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรังขึ้น
- ฮอร์โมน: ฮอร์โมนเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นผิวในการผลิตน้ำมัน ทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขนได้ง่าย จึงเป็นสาเหตุของการเกิดสิวเรื้อรัง โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นหรือตั้งครรภ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนสูง
- กรรมพันธุ์: ลักษณะของผิวและการผลิตน้ำมันอาจถูกถ่ายทอดทางพันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวที่มีสิวเรื้อรัง มักมีความเสี่ยงสูงที่จะมีสิวเรื้อรังเช่นกัน
- ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ: ความเครียดและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ทำให้ผิวหนังผลิตน้ำมันมากขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุของสิวเรื้อรัง
- การรับประทานอาหาร: พฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น อาหารที่ไขมันและน้ำตาลสูง อาจทำให้ผิวหนังอักเสบและกระตุ้นการเกิดสิวได้ ส่งผลให้เกิดปัญหาสิวเรื้อรังตามมา
ปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรังขึ้น
- สิ่งแวดล้อมและมลภาวะ: ปัญหาสิ่งแวดล้อมและมลภาวะที่เจอในทุก ๆ วัน เช่น ฝุ่น ควัน หรือ PM 2.5 หากสะสมมาก ๆ บนผิวสามารถทำให้เกิดสิวหรือทำให้ปัญหาสิวที่มีอยู่แล้วเกิดเป็นสิวเรื้อรังได้
- การใช้ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวและเครื่องสำอาง: ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวและเครื่องสำอางหากเลือกใช้ชนิดที่ไม่เหมาะกับสภาพผิว ก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองผิวได้ ซึ่งก็อาจทำให้เกิดสิวแพ้ครีมขึ้นมาได้ในภายหลังและในบางผลิตภัณฑ์ที่ควรเลี่ยงที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน
- การสัมผัสใบหน้าบ่อยเกินไป: การสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ ทำให้แบคทีเรียและสิ่งสกปรกจากมือเข้าสู่ผิว ซึ่งอาจส่งผลให้สิวเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อจนกลายเป็นสิวเรื้อรังได้เช่นกัน
วิธีรักษาสิวเรื้อรังมีอะไรบ้าง
1. การใช้ยาทาเฉพาะที่
ยาทาที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) หรือเรตินอยด์ (Retinoids) สามารถช่วยลดการอักเสบและการอุดตันของรูขุมขนได้ นิยมใช้ในการรักษาสิวที่มีระดับความรุนแรงปานกลาง แต่มีผลข้างเคียงคืออาจทำให้ผิวบางและระคายเคืองได้
2. การใช้ยารับประทาน
ยาปฏิชีวนะ เช่น Tetracycline และ Doxycycline ช่วยลดการอักเสบและช่วยลดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่มีข้อจำกัดคือห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร และยานี้อาจทำให้ผิวไวต่อแสงได้
3. การรักษาด้วยเลเซอร์
เป็นวิธีรักษาสิวที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ช่วยลดสิวอุดตันและสิวอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลเซอร์ที่นิยมใช้ เช่น Blue Light หรือ IPL (Intense Pulsed Light) ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียและลดการอักเสบของผิว ช่วยลดสิวเรื้อรังได้
4. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง
หากสิวเรื้อรังไม่หายขาดหรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัยสาเหตุของสิวอย่างถูกต้อง จะช่วยให้สามารถเลือกใช้ยาหรือวิธีการรักษาที่ตรงกับสภาพผิว และนอกจากนี้แพทย์ยังสามารถให้คำแนะนำในการดูแลผิวเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ใครที่กำลังประสบปัญหาสิวเรื้อรังและกำลังมองหาวิธีการรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ที่ลลิษาคลินิกเรามีทีมแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลการรักษาสิวอย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา หรือการรักษาด้วยเลเซอร์ เพื่อให้ผิวของคุณกลับมาสดใสและสุขภาพดีอีกครั้ง
ประเภทของสิวเรื้อรังมีสิวประเภทไหนบ้าง?
สิวเรื้อรังแบ่งออกเป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะและความรุนแรงของสิวแต่ละชนิด โดยประเภทหลัก ๆ ของสิวเรื้อรังมีดังนี้
- สิวอุดตัน : สิวที่เกิดจากอุดตันของรูขุมขน แบ่งออกเป็น สิวหัวดำ (Blackhead) และ สิวหัวขาว (Whitehead)
- สิวอักเสบ : เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนและแดง มีอาการเจ็บ มักเกิดจากการที่สิวถูกกระตุ้นด้วยแบคทีเรียจนทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง
- สิวหัวหนอง : เป็นสิวที่มีการอักเสบ มีลักษณะบวมแดงและมีหนองอยู่ด้านใน
- สิวหัวช้าง : เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นก้อนขนาดใหญ่อยู่ใต้ผิวหนัง โดยมักมีการอักเสบและเจ็บรุนแรง และทิ้งรอยแผลไว้เมื่อยุบลงแล้ว
วิธีการป้องกันสิวเรื้อรัง
สำหรับปัญหาสิวเรื้อรังที่มักจะสร้างความไม่มั่นใจอยู่บ่อย ๆ เราจะสามารถป้องกันได้อย่างไรบ้าง มีวิธีแนะนำดังนี้ครับ
- ล้างทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด: โดยควรใช้คลีนซิ่งในการล้างเครื่องสำอาง เพื่อล้างสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกินที่อาจทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสำหรับคนเป็นสิว: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้า เช่น สครับขัดผิว หรือมาสก์หน้าที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
- หลีกเลี่ยงการโดนแดดและทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ: โดยเลือกใช้ครีมกันแดดที่เนื้อบางเบา ไม่อุดตันรูขุมขน เพื่อสร้างเกราะป้องกันให้กับผิว
- หลีกเลี่ยงการกดหรือบีบสิวด้วยตนเอง: สาเหตุที่ควรเลี่ยงการกดสิวหรือบีบสิวเพราะสิ่งสกปรกจากมืออาจทำให้สิวอักเสบและติดเชื้อได้
- หลีกเลี่ยงของมัน ของหวาน: เพราะทำให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมาบนผิวหนังมากขึ้น
- พักผ่อนให้เพียงพอ: เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างเต็มที่ ช่วยลดโอกาสการเกิดสิวเรื้อรัง
สิวเรื้อรัง ไม่หายสักที อันตรายไหม
สิวเรื้อรังที่รักษาไม่หายสักทีอาจไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายรุนแรงต่อร่างกาย แต่สามารถส่งผลเสียต่อผิวหนังและสุขภาพจิตในระยะยาวได้ เนื่องจากสิวเรื้อรังที่ไม่ได้รับการรักษาหรือดูแลอย่างถูกวิธีอาจนำไปสู่การเกิดรอยแผลเป็นและหลุมสิว หรือผิวหนังอักเสบเรื้อรัง และอาจนำไปสู่ปัญหาด้านจิตใจ เนื่องจากสิวเรื้อรังอาจส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเอง จนทำให้เกิดความเครียดหรือภาวะซึมเศร้าได้
คำถามที่พบบ่อย
เป็นสิวเรื้อรังรักษากี่เดือนถึงจะหาย?
ระยะเวลาในการรักษาสิวเรื้อรังนั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวและการตอบสนองต่อการรักษาของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปหากปัญหาไม่รุนแรงมากนัก อาจใช้เวลาในการรักษาประมาณ 2-3 เดือน แต่ถ้าสิวมีอาการเรื้อรังและรุนแรงมาก อาจต้องใช้เวลารักษาถึง 6 เดือนขึ้นไป หากดูแลผิวและใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
ความเครียดเป็นสาเหตุของการเกิดสิวเรื้อรังได้จริงไหม
ความเครียดเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรังได้จริง เนื่องจากเมื่อร่างกายเครียด จะหลั่งฮอร์โมนที่กระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน จึงเพิ่มโอกาสให้เกิดการอุดตันและเกิดสิวได้ง่ายขึ้น อีกทั้งความเครียดยังทำให้สิวที่เป็นอยู่หายช้าหรืออาจเกิดการอักเสบมากขึ้นอีกด้วย
อาหารเสริมบางชนิดเป็นปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรังได้จริงไหม
แน่นอนว่าอาหารเสริมบางชนิดอาจเป็นปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรังได้ โดยเฉพาะอาหารเสริมที่มีส่วนผสมที่ส่งผลต่อฮอร์โมนหรือกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน เช่น เวย์โปรตีน (Whey Protein), วิตามินบี 6 และบี 12 ในปริมาณที่สูงเกินไป หรืออาหารเสริมที่มีสารกระตุ้นฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgens) ยังอาจจะส่งผลให้เกิดสิวฮอร์โมนขึ้นตามมาในภายหลังได้
(อ่านเพิ่มเติม: สิวฮอร์โมน ในผู้ชายและหญิง รักษาได้ไม่ยาก แค่รู้สาเหตุและการป้องกัน)
การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เป็นการช่วยลดปัญหาสิวเรื้อรังที่แก้มได้จริงหรือไม่
การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและขับของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งช่วยลดการอุดตันที่อาจทำให้เกิดสิวได้ ทำให้สิวมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำไม่สามารถรักษาสิวเรื้อรังได้ทั้งหมด เพราะสิวเรื้อรังสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน
สรุป
สิวเรื้อรังส่งผลต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพเมื่อต้องพบปะผู้คน แต่สิวเรื้อรังสามารถรักษาให้หายได้หากดูแลอย่างถูกวิธี และควรรีบรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยลดความรุนแรงของสิวและลดโอกาสการเกิดผลกระทบจากสิวในระยะยาว การปรึกษาแพทย์ผิวหนังเฉพาะทางก็เป็นอีกทางเลือกที่สามารถรักษาสิวเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวกลับมาสุขภาพดีและเสริมความมั่นใจได้อีกครั้ง
แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูลสิวเรื้อรัง
American Academy of Dermatology. (n.d.). What can clear severe acne? https://www.aad.org/public/diseases/acne/derm-treat/severe-acne
Healthline. (2023, March 14). Managing severe acne: Do’s and don’ts. https://www.healthline.com/health/severe-acne/what-to-do-and-avoid
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน)