สิวเสี้ยน เกิดจากอะไร? เผยวิธีกำจัดสิวเสี้ยนและการป้องกันอย่างถูกวิธี

สิวเสี้ยน เกิดจากอะไร กำจัดสิวเสี้ยนยังไงดี

สิวเสี้ยน เล็ก ๆ น้อย ๆ เต็มไปหมด ทำให้หน้าดูหมอง ไม่สดใส หรือบางครั้งแต่งหน้าเสร็จแล้ว ส่องกระจกก็ต้องมาเจอกับสิวเสี้ยนตัวร้ายที่โผล่มาให้เห็นชัดเจน ทำให้ความมั่นใจลดลงไปทันที สิวเสี้ยนไม่ได้เป็นแค่ปัญหาเรื่องความสวยงาม แต่ยังอาจนำไปสู่ปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาอีกด้วย

บทความนี้จะพาไปรู้จักกับสิวเสี้ยนให้มากขึ้น และแนะนำวิธีรักษาที่ได้ผล พร้อมทั้งเทคนิคการดูแลผิวหน้าเบื้องต้น เพื่อให้ผู้ป่วยมีผิวสวยสุขภาพดี

สิวเสี้ยนเกิดจากอะไรได้บ้าง

สิวเสี้ยนเกิดจากอะไร

สิวเสี้ยนที่ชอบขึ้นบนใบหน้า ถึงแม้ว่าปัจจุบันยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนถึงสาเหตุที่แท้จริง แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่เชื่อว่าเกี่ยวข้องและส่งผลทำให้เกิดสิวเสี้ยนได้ ดังนี้

ปัจจัยภายใน

  • ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงชีวิต ช่วงวัยรุ่น หรือช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ก่อนมีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์ ฮอร์โมนเพศชายที่เพิ่มขึ้นจะกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ทำให้รูขุมขนอุดตันง่ายขึ้น
  • โรคประจำตัว โรคบางชนิด เช่น โรคไข่หลายถุง หรือ PCOS (Polycystic Ovary Syndrome) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของฮอร์โมน ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยนได้
  • พันธุกรรม เช่นเดียวกับโรคหลายชนิด การมีประวัติครอบครัวเป็นสิว ก็มีส่วนทำให้เราเสี่ยงต่อการเกิดสิวเสี้ยนได้มากขึ้น
  • ยาบางชนิด ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิดบางสูตร หรือยาสเตียรอยด์ อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดสิวเสี้ยนได้

ปัจจัยกระตุ้นภายนอก

  • ล้างหน้าบ่อยเกินไป การล้างหน้าบ่อยเกินไปจะทำให้ผิวแห้ง และกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาทดแทนมากขึ้น
  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่รุนแรง สบู่หรือโฟมล้างหน้าที่ทำความสะอาดรุนแรงเกินไป อาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวเสี้ยนได้ง่ายขึ้น
  • การขัดผิวแรงเกินไป การขัดผิวแรง ๆ หรือใช้สครับที่มีส่วนผสมขัดผิวขนาดใหญ่ อาจทำให้ผิวบอบช้ำและเกิดรอยแดง
  • มลภาวะ ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ และสารเคมีต่าง ๆ ในอากาศ สามารถอุดตันรูขุมขนและทำให้เกิดสิวเสี้ยนได้
  • แสงแดด รังสี UV จากแสงแดดสามารถทำลายคอลลาเจนและอิลาสตินในผิว ทำให้รูขุมขนกว้างขึ้นและอุดตันได้ง่ายขึ้น
  • เครื่องสำอาง เครื่องสำอางที่ไม่เหมาะสม หรือการล้างเครื่องสำอางไม่สะอาด ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยนได้

สิวเสี้ยน คืออะไร

สิวเสี้ยนคือ รูขุมขนที่มีขนอ่อน ๆ และเซลล์ผิวเก่ามาอุดตันอยู่ ทำให้รู้สึกเหมือนมีหนามเล็ก ๆ โผล่ออกมา พบได้บ่อยที่จมูก แก้ม และคาง ลองสังเกตดี ๆ อาจจะเจอที่หลังด้วยเช่นกัน ซึ่งสิวเสี้ยนเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่พบมากในผู้ใหญ่

สิวเสี้ยนมีลักษณะเป็นอย่างไร

สิวเสี้ยนเป็นลักษณะอย่างไร

สิวเสี้ยนมีลักษณะเป็นจุดสีดำเล็ก ๆ บริเวณที่รูขุมขนหนาแน่น เช่น จมูก คาง และแก้ม รูขุมขนบริเวณที่มีสิวเสี้ยนมักจะดูใหญ่และชัดเจนขึ้น ผิวอาจรู้สึกคันและขรุขระ ไม่เรียบเนียน ในบางกรณี สิวเสี้ยนอาจอักเสบกลายเป็นสิวอักเสบได้ การมีสิวเสี้ยนทำให้ผิวหน้าดูไม่เรียบเนียนและอาจส่งผลต่อความมั่นใจ หากมีปัญหาเกี่ยวกับสิวเสี้ยน ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสม

สิวเสี้ยนมีทั้งหมดกี่แบบ

สิวเสี้ยนนั้นแตกต่างจากสิวอุดตันที่มักจะแบ่งเป็นสิวหัวขาวและสิวหัวดำ โดยส่วนใหญ่จะพบที่บริเวณจมูก คาง และใบหน้า สาเหตุที่หลายคนเข้าใจผิดว่าสิวเสี้ยนมีหัวขาวและหัวดำ อาจเป็นเพราะสับสนกับสิวอุดตัน หรือการสังเกตที่ไม่ละเอียดเพียงพอ

สิวเสี้ยนสามารถเกิดขึ้นที่บริเวณไหนบ้าง

สิวเสี้ยนเกิดบริเวณไหนได้บ้าง

สิวเสี้ยนมักจะปรากฏตัวให้เห็นได้บ่อยในบริเวณที่มีต่อมไขมันทำงานหนัก และมีรูขุมขนหนาแน่น โดยเฉพาะบริเวณเหล่านี้

  • สิวเสี้ยนบริเวณจมูก
  • สิวเสี้ยนบริเวณหน้าผาก
  • สิวเสี้ยนบริเวณคาง
  • สิวเสี้ยนบริเวณหลัง
  • สิวเสี้ยนบริเวณหน้าอก
  • สิวเสี้ยนบริเวณแก้ม
  • สิวเสี้ยนบริเวณแขน

วิธีการรักษาสิวสี้ยน มีวิธีอะไรบ้าง

วิธีรักษาสิวเสี้ยน

สิวเสี้ยนทำให้ผิวหน้าไม่เรียบเนียน แม้ว่ายังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่เราก็สามารถลดปัญหาสิวเสี้ยนและดูแลผิวให้แข็งแรงได้ด้วยวิธีที่ปลอดภัย ดังนี้

  1. แผ่นแปะและมาส์กลอกสิวเสี้ยน
    เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการกำจัดสิวเสี้ยน โดยเฉพาะบริเวณจมูก คาง และหน้าผาก วิธีการใช้ก็ง่าย เพียงแค่แปะแผ่นแปะหรือทาหน้ากากทิ้งไว้ตามเวลาที่กำหนด แล้วค่อย ๆ ลอกออก สิวเสี้ยนก็จะติดออกมาพร้อมกับแผ่นแปะหรือมาส์ก
  2. มาส์กลอกสิวเสี้ยน DIY
    ไข่ขาว ทาไข่ขาวลงบนบริเวณที่มีสิวเสี้ยน (เช่น จมูก) แล้วแปะกระดาษทิชชูบาง ๆ ทับลงไป รอให้แห้งสนิทแล้วค่อย ๆ ลอกออก
    เจลาติน ผสมเจลาตินกับน้ำอุ่น คนให้เข้ากันจนละลาย จากนั้นเติมนม (สำหรับผิวแห้ง) หรือน้ำผึ้ง (สำหรับผิวมัน) เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ทาลงบนผิวที่ต้องการ แล้วรอให้แห้งสนิทก่อนลอกออก
  3. การใช้สกินแคร์
    ควรเลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid และ Glycolic จะช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดการอุดตันของรูขุมขน ทำให้ผิวหน้าของผู้ป่วยดูเรียบเนียน สดใส และไร้สิวเสี้ยน
  4. การทายา
    ยาที่มีส่วนผสมของเรตินอล หรือเรติน-เอ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของกรดวิตามินเอ สามารถช่วยลดสิวเสี้ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและลดการอุดตันของรูขุมขน อย่างไรก็ตาม ควรเริ่มใช้จากความเข้มข้นต่ำและค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อให้ผิวปรับตัวได้ หากมีอาการระคายเคืองมากเกินไป ควรหยุดใช้และปรึกษาแพทย์ผิวหนัง
  5. ผลัดเซลล์ผิวด้วย AHA BHA
    การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA (Alpha Hydroxy Acid) และ BHA (Beta Hydroxy Acid) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมในการรักษาสิวเสี้ยน ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ทำให้รูขุมขนสะอาด ลดการอุดตัน และช่วยให้หัวสิวแห้งหลุดออกง่ายขึ้น ส่งผลให้สิวเสี้ยนค่อย ๆ จางหายไป
  6. ใช้แปรงล้างหน้า
    การใช้แปรงล้างหน้าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายคนนิยมใช้เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน ซึ่งอาจช่วยลดปัญหาสิวเสี้ยนได้ แต่หากใช้วิธีที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาได้ เช่นผิวระคายเคือง รูขุมขนกว้าง เกิดสิวเพิ่ม เป็นต้น
  7. สครับหน้า
    การสครับหน้าจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวหน้าสะอาดสดใส และช่วยลดปัญหาสิวเสี้ยน สิวหัวดำได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ การสครับหน้ายังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและเปล่งปลั่งมากขึ้นอีกด้วย
  8. การใช้เครื่องดูดสิว
    การใช้เครื่องดูดสิวเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการกำจัดสิวเสี้ยนและสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน โดยเฉพาะบริเวณจมูกและคาง อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนการใช้ เพื่อให้ได้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และหลีกเลี่ยงการซื้อเครื่องมาใช้เอง เนื่องจากอาจเกิดการระคายเคืองหรือติดเชื้อได้
  9. การฉีดเมโสหน้าใส
    การฉีดเมโสหน้าใสสามารถแก้ปัญหาสิวเสี้ยนและปรับปรุงสภาพผิว โดยการฉีดสารอาหารเข้าสู่ผิวชั้นใน ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้รูขุมขนกระชับ ผิวเรียบเนียนขึ้น และลดโอกาสการเกิดสิวเสี้ยน แต่ชนิดของเมโสที่เหมาะสมจะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและปัญหาที่ต้องการแก้ไข ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อเลือกสูตรที่เหมาะสม
  10. การทำเลเซอร์
    การรักษาด้วยแสงเลเซอร์หรือ IPL (Intense Pulsed Light) สามารถลดปัญหาสิวเสี้ยนได้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะทำงานโดยการส่งพลังงานแสงไปทำลายเมลานินในรูขุมขน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของสิวเสี้ยน ทำให้เส้นขนที่อุดตันรูขุมขนหลุดออกและลดการเกิดสิวเสี้ยนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  11. ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อแนะนำการรักษา
    แม้ว่าสิวเสี้ยนจะดูเป็นปัญหาผิวที่ไม่รุนแรง แต่แพทย์ผิวหนังสามารถให้คำแนะนำและการรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพได้มากกว่าการรักษาเองที่บ้าน เพราะแพทย์ผิวหนังจะทำการตรวจสอบสภาพผิวและหาสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยนอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรม ฮอร์โมน การดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ที่ลลิษาคลินิก สามารถวางแผนการรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การทำเลเซอร์ หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดูแลผิว พร้อมให้คำแนะนำในการดูแลผิวเพื่อป้องกันไม่ให้สิวเสี้ยนกลับมาเป็นซ้ำ และอาจแนะนำการรักษาปัญหาผิวอื่น ๆ ร่วมด้วย

วิธีการป้องกันสิวเสี้ยน มีวิธีอะไรบ้าง

วิธีป้องกันสิวเสี้ยน

ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่าย ๆ เพื่อป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนและเพื่อให้หน้าเรียบเนียนได้ ดังนี้

  1. อ่อนโยนกับผิว หลีกเลี่ยงการขัดถูหน้าแรง ๆ หรือใช้นิ้วบีบสิว เพราะจะยิ่งทำให้รูขุมขนอักเสบและเกิดสิวเสี้ยนมากขึ้น ควรล้างหน้าเบา ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน
  2. เลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช่ เลือกสบู่และครีมที่เหมาะกับสภาพผิว ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และมีส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมัน เช่น สารสกัดจากธรรมชาติ หรือกรดซาลิไซลิก
  3. บำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ ทาครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันแสงแดดที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิว และทายาหรือเซรั่มที่มีส่วนผสมของกรดวิตามินเอ (Retinol) เพื่อผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตันของรูขุมขน
  4. กินให้ถูกวิธี อาหารมีผลต่อผิวพรรณมาก ลดอาหารมัน ๆ ของทอด และเพิ่มผักผลไม้ รวมถึงดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้ร่างกายขับของเสียออกได้ดี
  5. หลีกเลี่ยงสารเคมี อย่าใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือสารเคมีที่ไม่รู้จัก เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและเกิดสิวได้
  6. พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอจะช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมเซลล์ผิวได้ดีขึ้น
  7. ลดความเครียด ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดสิว ควรหาเวลาผ่อนคลายบ้าง เช่น การออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ชอบ

เมื่อมีสิวเสี้ยนควรดูแลผิวอย่างไรดี

เมื่อเป็นสิวเสี้ยนดูแลผิวอย่างไรดี
  • ล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว เพื่อไม่ให้ผิวแห้งตึงและลดโอกาสการอุดตัน
  • สกินแคร์ที่มี Salicylic Acid และ Glycolic ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน
  • ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมัน ควรเลือกใช้โลชั่นหรือเจลที่ช่วยควบคุมความมัน
  • สครับผิว การสครับช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและสิ่งสกปรก แต่ควรทำอย่างเบามือและไม่บ่อยเกินไป (ประมาณ 2 ครั้งต่อเดือน) เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนและลดการผลิตน้ำมันบนผิว
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เช่น ของทอดและน้ำตาล เพื่อไม่ให้ร่างกายผลิตน้ำมันมากเกินไป

สิวเสี้ยนอันตรายไหม

สิวเสี้ยนไม่ถือว่าเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และไม่มีความสัมพันธ์กับโรคอื่น ๆ แต่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือการอักเสบได้หากมีการบีบหรือกดสิว

คำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับสิวเสี้ยน (FAQs)

สิวเสี้ยนและสิวหัวดำต่างกันอย่างไร?

สิวเสี้ยนมีลักษณะเป็น จุดสีดำเล็ก ๆ คล้ายเสี้ยน เกิดจากการรวมตัวของเส้นขนจำนวนมาก ส่วนสิวหัวดำ มีลักษณะเป็นจุดสีดำขนาดใหญ่กว่า เกิดจากการอุดตันของรูขุมขนด้วยไขมันและสิ่งสกปรก

กำจัดสิวเสี้ยนให้หายขาดถาวรได้ไหม?

ยังไม่มีวิธีใดที่สามารถกำจัดสิวเสี้ยนได้อย่างถาวร 100% เพราะสิวเสี้ยนเกิดจากการที่รูขุมขนผลิตเส้นขนออกมาจำนวนมากเกินไป และเส้นขนเหล่านี้ไปอุดตันรูขุมขน ตราบใดที่เรายังมีรูขุมขนอยู่ ก็มีโอกาสที่สิวเสี้ยนจะกลับมาเกิดใหม่ได้เสมอ

สิวเสี้ยนสามารถบีบได้ไหม?

ในความจริงแล้วแพทย์หลายคนไม่แนะนำให้บีบสิวเสี้ยน เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น การติดเชื้อ รอยแดง รอยดำ และรอยแผลเป็นหรืออาจทำให้เกิดผิวช้ำขึ้นได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้สิวอุดตันมากขึ้นอีกด้วย

บทความเพิ่มเติม: ข้อเสียของการบีบสิวด้วยตัวเอง?

ใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนช่วยลดปริมาณสิวเสี้ยนจริงหรือ?

การใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนสามารถเห็นผลได้รวดเร็วและสะดวก แต่การใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวระคายเคืองและรูขุมขนกว้างขึ้นได้ เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาสิวเสี้ยนได้ที่ต้นเหตุ ซึ่งคือการอุดตันของรูขุมขน การใช้แผ่นลอกสิวเสี้ยนจึงเหมาะสำหรับการกำจัดสิวเสี้ยนเป็นครั้งคราว ควรใช้ควบคู่ไปกับการดูแลผิวหน้าให้สะอาดและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดสิวเสี้ยนซ้ำ และหากมีปัญหาสิวเสี้ยนรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง

สรุป

สิวเสี้ยนเป็นปัญหาผิวที่เกิดจากความผิดปกติของรูขุมขน โดยมีสาเหตุมาจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน มลภาวะ และการดูแลผิวที่ไม่เหมาะสม การรักษาสิวเสี้ยนมีหลายวิธี อาทิ การใช้สกินแคร์พิเศษ การทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน และการปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมกับสภาพผิว นอกจากนี้ การป้องกันยังสำคัญไม่แพ้การรักษา โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียด เพื่อให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนและสุขภาพดี

ลลิษาคลินิก พร้อมช่วยผู้ป่วยแก้ปัญหาสิวเสี้ยน ด้วยการรักษาแบบเฉพาะบุคคล โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจะทำการวิเคราะห์สภาพผิวของผู้ป่วยอย่างละเอียด เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้เลเซอร์เพื่อกำจัดสิว การทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก หรือการปรับปรุงพฤติกรรมการดูแลผิว

แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูลสิวเสี้ยน

dermnetnz. Trichostasis spinulosa.June 2014. by Dr Amanda Oakley Dermatologist, Hamilton, New Zealand; Clare Morrison, Copy Editor, Vanessa Ngan, Staff Writer;
https://dermnetnz.org/topics/trichostasis-spinulosa

บทความโดย

ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว

ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ที่ตั้งคลินิก เซ็นทรัลพระราม 9 ชั้น 9 (ติดบันไดเลื่อน)