คลินิกรักษาสิว โดยแพทย์โรคผิวหนังโดยเฉพาะ
ไขที่มันจมูก ปัญหาหนักใจจากไขมันส่วนเกิน แก้ไขอย่างไรดี

หนึ่งปัญหาผิวอย่างไขมันที่จมูกเป็นสิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดว่าเป็นสิวเสี้ยนหรือสิวหัวดำ แต่แท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่ และมีความแตกต่างจากสิวเหล่านั้นอย่างไร? หากกำลังสงสัยกับจุดสีดำเล็ก ๆ บริเวณจมูกและไม่แน่ใจว่าจะจัดการกับมันได้อย่างไร
บทความนี้หมอตาลมีคำตอบ เพื่อช่วยให้คนไข้เข้าใจถึงลักษณะของไขมันที่จมูก และวิธีการดูแลผิวที่ถูกต้องเพื่อขจัดปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด
ไขมันที่จมูก คืออะไร?
ไขมันที่จมูก หรือ Sebaceous filament คือการสะสมของน้ำมันที่ผิวเราผลิตขึ้นมามากเกินไปนั่นเอง ซึ่งบริเวณจมูกและข้างจมูกเป็นส่วนที่มีต่อมไขมันทำงานหนักกว่าส่วนอื่นบนใบหน้า โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวมันหรือผิวผสม หน้าที่ของน้ำมันเหล่านี้คือช่วยปกป้องและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวเรา แต่ถ้าผลิตออกมาเยอะเกินไป ก็จะทำให้หน้ามันเยิ้ม ดูหมองคล้ำ และรูขุมขนอาจจะกว้างขึ้น (หากสงสัยว่ารูขุมขนกว้างลักษณะอย่างไร หมอได้สรุปอย่างเข้าใจง่าย ๆ ไว้แล้วค่ะ สามารถเขาไปได้อ่านเลย) สุดท้ายก็จะเพิ่มโอกาสให้เกิดปัญหาไขมันสะสมในรูขุมขน หรือที่บางคนอาจเรียกว่า “สิวไขมัน” ตรงจมูกได้ง่ายขึ้น
ไขมันที่จมูกกับสิวเสี้ยนต่างกันอย่างไร

แม้จะดูคล้ายกัน แต่ไขมันที่จมูกกับสิวเสี้ยน มีความแตกต่างที่สังเกตได้จากรูปร่างและสี ไขมันที่จมูกจะมีลักษณะเป็นเส้นบาง ๆ คล้ายเส้นผม มองไกล ๆ ดูเป็นจุดด่างดำสีเหลืองปนเทา เพราะเป็นแค่ไขมันที่ไหลออกมาตามรูขุมขน ไม่ได้มีการอุดตันแบบสิว
ในทางกลับกันสิวเสี้ยน คือก้อนไขมันที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนพร้อมกับขนอ่อนเล็กๆ และมีหัวสิวเป็นสีดำเข้ม เนื่องจากรูขุมขนเปิดออกทำให้ไขมันทำปฏิกิริยากับอากาศ (Oxidation) นั่นเอง
ไขมันที่จมูก เกิดจากอะไร
ไขมันที่จมูก เกิดจากความมันส่วนเกินบนจมูก และอีกหลายสาเหตุ ดังนี้
เกิดจากฮอร์โมน
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายสามารถกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น ทำให้มีไขมันสะสมที่จมูกได้
เกิดจาสภาพผิวมัน
ผู้ที่มีสภาพผิวมันหรือผิวผสม จะประสบปัญหาผิวที่มีไขมันสะสมในบริเวณ T-zone (หน้าผาก จมูก คาง) ซึ่งเป็นบริเวณที่ผลิตน้ำมันมากกว่าส่วนอื่น ๆ ของใบหน้า
เกิดจาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวไม่เหมาะสม
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งหรือขาดความชุ่มชื้น อาจกระตุ้นให้ผิวผลิตน้ำมันออกมามากเกินไปเพื่อชดเชย
เกิดจามลภาวะและสิ่งแวดล้อม
ฝุ่นควันและมลพิษในอากาศสามารถกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้เกิดไขมันสะสมที่จมูก
เกิดจาอาหาร
การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง หรืออาหารที่ขาดสารอาหาร อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิวและเพิ่มการผลิตน้ำมันในร่างกาย
เกิดจาความเครียด
ความเครียดสามารถกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างน้ำมันในผิวหนัง ทำให้เกิดไขมันสะสมที่จมูกได้
เกิดจาพันธุกรรม
หากคนในครอบครัวมีประวัติผิวมันหรือมีปัญหาไขมันสะสมที่จมูก คุณก็อาจมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหานี้ได้เช่นกัน
ไขมันข้างจมูก สามารถรักษาได้อย่างไรบ้าง

เป็นเรื่องปกติที่หลายคนมีไขมันสะสมบริเวณจมูกและสิวไขมันข้างจมูก ซึ่งอาจเป็นปัญหาที่กวนใจ มาดูวิธีการรักษาไขมันที่จมูกเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการผลิตน้ำมันและลดปัญหาสิวไขมันโดยเฉพาะ ดังนี้
1. การทำเลเซอร์
การทำเลเซอร์เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในคลินิก เพราะเลเซอร์สามารถช่วย ลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผิวผลิตน้ำมันน้อยลง อีกทั้งยังช่วย กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น และลดปัญหาสิวอุดตันที่เกิดจากไขมันส่วนเกินบริเวณจมูกได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น Pico Laser ที่นอกจากจะช่วยลดปัญหาสิวอักเสบและผิวมันแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ลดรอยดำและรอยแดงจากสิวที่อาจเกิดขึ้นได้อีกด้วย
2. การใช้ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์
หมอผิวหนังอาจพิจารณาสั่งจ่ายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide หรือ Retinoids (เช่น Adapalene) ซึ่งสารเหล่านี้มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบของสิว และลดการผลิตน้ำมันในผิวหนัง นอกจากนี้ อาจมีการใช้ Salicylic Acid ซึ่งเป็นสารเคมีที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวลดการอุดตันของรูขุมขน ลดความมันส่วนเกิน และช่วยลดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การฉีดเมโสหน้าใส (Mesotherapy)
การฉีดเมโสหน้าใสเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยจัดการกับไขมันส่วนเกินและสิวอุดตันบริเวณจมูกได้โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยจะมีการฉีดสารบำรุงต่าง ๆ เข้าสู่ชั้นผิวหนัง ซึ่งสารเหล่านี้จะช่วยลดการอักเสบ ฟื้นฟูผิว กระชับรูขุมขน และลดการเกิดสิว ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น และยังช่วยลดไขมันบริเวณจมูกและข้างจมูกได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
4. การฉีด Juvelook
Juvelook เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยฟื้นฟูผิว และลดไขมันส่วนเกิน บริเวณจมูกและข้างจมูกได้ โดยมีคุณสมบัติพิเศษในการช่วยกระชับรูขุมขน และลดการสะสมของไขมัน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิวไขมัน นอกจากนี้ ยังช่วยให้ผิวบริเวณข้างจมูกดูเรียบเนียนและกระจ่างใสขึ้น
5. การฉีด Sculptra
Sculptra คือการฉีดสาร Poly-L-lactic acid (PLLA) เข้าสู่ผิวหนัง ซึ่งสารนี้จะไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิวหน้า ทำให้ผิวดูอิ่มฟูและกระชับ เทคนิคนี้สามารถนำมาใช้เพื่อลดไขมันบริเวณจมูกและข้างจมูกได้เช่นกัน โดยการสร้างคอลลาเจนจะช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ลดปัญหาสิวไขมันที่เกิดจากไขมันสะสมในรูขุมขน และทำให้ผิวบริเวณจมูกดูเนียนและกระชับขึ้น
6. การฉีด Rejuran
Rejuran คือการรักษาด้วยสารสกัดจากสารพันธุกรรม (DNA) ที่ได้จากปลาแซลมอน ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวหน้า การฉีด Rejuran ลงไปในชั้นผิวหนังสามารถช่วย ลดไขมันบริเวณจมูก และรักษาสิวไขมันข้างจมูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงและดูสุขภาพดีขึ้น
7. ใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมัน
หลังจากล้างหน้าแล้ว ให้ใช้โทนเนอร์หรือเซรั่มที่ช่วยควบคุมความมัน เพราะผลิตภัณฑ์จะมีส่วนผสมอย่าง Salicylic Acid หรือ Niacinamide ซึ่งจะช่วยลดความมันบนใบหน้า และป้องกันไม่ให้รูขุมขนอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว
8. ใช้ยารักษาสิวเฉพาะจุด
ถ้าสิวไขมันข้างจมูกมีลักษณะเป็นสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบ สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide หรือ Salicylic Acid เพื่อช่วยลดการอักเสบและลดการอุดตันในรูขุมขนได้ นอกจากนี้ Retinoids หรือ Adapalene ก็เป็นอีกทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการรักษาสิวและช่วยลดการผลิตน้ำมันบนผิวหน้าได้ดี
9. ผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำ
การผลัดเซลล์ผิวจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการอุดตันรูขุมขน การใช้สครับ หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA (Alpha Hydroxy Acid) หรือ BHA (Beta Hydroxy Acid) จะช่วยทำความสะอาดรูขุมขนให้ไม่อุดตัน และลดการสะสมของน้ำมันที่อาจทำให้เกิดสิว
10. ใช้มาสก์หน้าหรือแผ่นแปะสิว
การใช้มาสก์หน้าสูตรควบคุมความมัน หรือแผ่นแปะสิว ที่มีส่วนผสมอย่าง Tea Tree Oil หรือ Sulfur สามารถช่วยลดการอักเสบและควบคุมความมันบนผิวได้ มาสก์ที่มีคุณสมบัติดูดซับน้ำมันส่วนเกินจะช่วยแก้ปัญหาสิวไขมันได้เป็นอย่างดี
วิธีดูแลผิวที่เป็นสิวและมีไขมันที่จมูก
เพื่อผิวที่ดีขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการบีบ แคะ หรือกดสิวเองโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้สิวอักเสบและลุกลามได้ง่าย ควรล้างมือให้สะอาดและไม่สัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้ การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็สำคัญไม่แพ้กัน ลดอาหารไขมันสูงและน้ำตาลสูง หันมาทานผัก ผลไม้ และโปรตีนที่ย่อยง่ายแทน ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ และที่สำคัญคือพักผ่อนให้พอ รวมถึงจัดการความเครียด เพื่อลดการกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนผิว
วิธีป้องกันการเกิดไขมันที่จมูก

ปัญหาไขมันที่จมูก เกิดจากการที่ผิวผลิตน้ำมันมากเกินไปและขาดความสมดุลระหว่างน้ำกับไขมันบนผิว เพื่อป้องกันปัญหานี้ สิ่งสำคัญคือการรักษาความชุ่มชื้นของผิวไม่ให้แห้งจนกระตุ้นการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น และไม่เพิ่มความมันให้ผิวมากเกินไป
1. ล้างหน้าให้สะอาด
ทั้งตอนเช้า เย็น และหลังออกกำลังกาย เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและน้ำมันส่วนเกิน
2. หลีกเลี่ยงการขัดถูใบหน้าแรง ๆ
เพราะอาจเป็นการรบกวนผิวและกระตุ้นการผลิตน้ำมัน
3. ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบไร้น้ำมัน (Oil-Free)
หรือไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-Comedogenic) เพื่อลดโอกาสการสะสมของไขมันในรูขุมขน
4. ทาครีมบำรุงผิว
ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำทุกวัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เสมอ
5. ใช้เจลล้างหน้าแบบอ่อนโยน
เลือกใช้เจลล้างหน้าแบบอ่อนโยน ที่ทำความสะอาดผิวหน้าโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
คำถามที่พบได้บ่อย-FAQ
เมื่อไหร่ที่ไขมันที่จมูกควรพบหมอผิวหนัง?
หากคุณลองใช้ยารักษาทั่วไปแล้วอาการไขมันที่จมูกยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาหมอผิวหนังเพื่อให้หมอวินิจฉัยและสั่งยาที่ช่วยลดความมันบนใบหน้า ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดไขมันที่จมูกอย่างตรงจุด
ทำไมไม่ควรบีบไขมันที่จมูก
ไม่ควรบีบเค้น หรือกดไขมันที่จมูกเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผิวบริเวณนั้นระคายเคืองและอักเสบ จนอาจลุกลามกลายเป็นสิว และทำให้ไขมันกระจายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้นบนผิวได้
สรุป
ไขมันที่จมูกเป็นปัญหาที่เกิดจากการสะสมของน้ำมันส่วนเกินในรูขุมขน ซึ่งแตกต่างจากสิวเสี้ยนทั่วไป การรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น การทำเลเซอร์ การฉีดเมโสหน้าใส หรือการฉีด Juvelook, Sculptra, Rejuran ที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันและฟื้นฟูผิวในระดับลึก นอกจากนี้การดูแลผิวอย่างถูกต้องด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็มีส่วนสำคัญในการป้องกันปัญหานี้
ลลิษาคลินิก พร้อมให้คำปรึกษาและการรักษาไขมันที่จมูกด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและหมอผู้เชี่ยวชาญ เพื่อผิวหน้าที่เรียบเนียน กระจ่างใส และมั่นใจในทุกมุมมอง
แหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับข้อมูลไขมันที่จมูก
clevelandclinic. Sebaceous Filaments.
https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/24571-sebaceous-filaments
Jennifer Berry, and Amanda Barrell. May 21, 2024. What to know about sebaceous filaments
https://www.medicalnewstoday.com/articles/sebaceous-filaments
บทความโดย
ลลิษาคลินิก : คลินิกรักษาสิว ดูแลโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านผิวหนัง (ตจวิทยา) ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิวหน้า เป็นสิว ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ สามารถเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้มากประสบการณ์ด้านผิวหนังที่ลลิษาคลินิกได้ ฟรี!! ทุกสาขา