หาคำตอบ วิธีรักษาสิวรอบปากให้หาย พร้อมเจาะลึกสาเหตุและการป้องกัน

สิวขึ้นรอบปาก ที่ปาก ไม่ว่าจะผู้หญิงผู้ชายเคยสังเกตไหมว่า สิวมักจะขึ้นซ้ำ ๆ ที่ปากหรือมุมปากโดยไม่รู้สาเหตุ ซึ่งอาจเกิดจากฮอร์โมน อาหาร การแพ้ผลิตภัณฑ์บางชนิด หรือแม้แต่การใส่แมสก์ บางครั้งเป็นสิวอักเสบ บางทีก็เป็นสิวอุดตัน ทำให้รู้สึกเจ็บและเสียความมั่นใจไปได้

บทความนี้ หมอตาลจากลลิษาคลินิกจะพาไปเจาะลึก สาเหตุของสิวรอบปาก พร้อมแชร์วิธีรักษาและป้องกันที่ได้ผลจริง มาหาคำตอบพร้อมเคล็ดลับดูแลผิวให้ใสไร้สิวไปด้วยกันได้เลยค่ะ

สิวขึ้นรอบปากคืออะไร? ลักษณะแบบไหน?

สิวขึ้นรอบปาก คือสิวที่เกิดขึ้นบริเวณรอบริมฝีปาก, มุมปาก หรือใต้ปาก ซึ่งอาจเป็นสิวอุดตัน, สิวอักเสบ หรือแม้แต่ผื่นแพ้ที่มีลักษณะคล้ายสิว สิวบริเวณนี้มักเกิดขึ้นซ้ำ ๆ และบางครั้งก็หายช้ากว่าสิวบริเวณอื่น หากปล่อยไว้อาจอักเสบรุนแรงหรือทิ้งรอยดำได้

สาเหตุสิวขึ้นรอบปากเกิดจากอะไร?

สิวที่ขึ้นบริเวณรอบปากมักเกิดจากหลายปัจจัย โดยสาเหตุหลัก ๆ ได้แก่

1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน วัยรุ่นและวัยเจริญพันธุ์มีระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนสูงขึ้น กระตุ้นการผลิตน้ำมันของผิว หรือผู้หญิงช่วงใกล้มีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือใช้ยาคุมกำเนิดบางชนิด อาจทำให้สิวขึ้นรอบปากได้ง่าย
2. กรรมพันธุ์ หากคนในครอบครัวมีประวัติเป็นสิว โอกาสเกิดสิวก็จะสูงขึ้น
3. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่อุดตันรูขุมขน เช่น ลิปสติก, ลิปบาล์ม, ครีมโกนหนวด, รองพื้น หรือยาสีฟันที่มีสารระคายเคือง
4. ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุลและกระตุ้นการผลิตน้ำมันของผิว
5. สิ่งสกปรกและมลภาวะ ฝุ่น คราบเหงื่อ การล้างหน้าไม่สะอาด อาจทำให้รูขุมขนอุดตัน ส่งผลให้สิวเกิดได้ง่ายขึ้น
6. พฤติกรรมการสัมผัสใบหน้า เช่น การใช้มือสัมผัสใบหน้าหรือรอบปากบ่อย ๆ รวมถึงการใส่แมสก์เป็นเวลานาน ซึ่งอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและสิวตามมา

สิวประเภทไหนที่มักขึ้นบริเวณรอบปาก

1. สิวอุดตัน: สิวอุดตันที่ปากเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนที่ปาก โดยเกิดจากน้ำมันส่วนเกิน (Sebum) หรือสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขน
2. สิวหัวขาว: สิวหัวขาวที่ปากเนื่องจากการอุดตันใต้ผิว ไม่มีหัวเปิด มักเกิดบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อย เช่น ริมฝีปากหรือขอบปาก
3. สิวหัวดำ: สิวหัวที่ดำที่ปากลักษณะเป็นสิวอุดตันชนิดหัวเปิดที่สัมผัสอากาศจนหัวสิวเปลี่ยนเป็นสีดำ
4. สิวอักเสบที่บริเวณปาก: เกิดจากการอุดตันที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ทำให้เกิดการอักเสบ
5. สิวฮอร์โมน: สิวฮอร์โมนที่ปาก มักจะเกิดช่วงก่อนมีประจำเดือน ตั้งครรภ์ หรือความเครียดสูง ทำให้ผิวมันขึ้น กระตุ้นการอุดตันของรูขุมขนที่บริเวณปากเกิดได้ง่ายขึ้นและส่งผลให้เกิดสิวที่มีอาการอักเสบ มักเป็นสิวอักเสบ สิวหัวหนอง หรือสิวหัวช้าง
6. สิวผื่นแพ้รอบปาก : สิวผืนแพ้ที่ปากมีลักษณะเป็นผื่นแดงหรือตุ่มเล็ก ๆ คล้ายสิว มักขึ้นรอบปากและอาจลามไปถึงคางและจมูก อาจเกิดจากการใช้ยาสเตียรอยด์ การแพ้เครื่องสำอาง หรือสารระคายเคืองในยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก
7. สิวผด: สิวผดที่ปากบริเวณนี้มักเกิดจากเหงื่อหรือการสัมผัสกับสารเคมีที่ระคายเคือง ทำให้ผิวบริเวณรอบปากเกิดการระคายเคืองและเป็นตุ่มเล็ก ๆ โดยจะไม่เจ็บ
8. สิวหัวหนอง : การอุดตันที่เกิดจากเซลล์ผิวหนังและน้ำมันในรูขุมขนที่ปาก อาจทำให้เกิดหนองและการอักเสบ (เจาะลึกเกี่ยวกับสิวหนองเพิ่มเติม: สิวหัวหนอง เกิดจากอะไร เป็นแล้วต้องรักษาอย่างไรให้ได้ผล)
9. สิวยีสต์: สิวยีสต์ที่ปากบริเวณนี้เกิดจากการเจริญเติบโตของยีสต์บนผิวหนัง ซึ่งสามารถทำให้เกิดสิวที่มีลักษณะคล้ายสิวหนองบริเวณปาก โดยมักสัมพันธ์กับสภาพผิวมันหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน
10. สิวเสี้ยนที่ปาก : สิวเสี้ยนที่ปากส่วนใหญ่เกิดจากการอุดตันในรูขุมขนบริเวณที่มีขนเส้นเล็ก ๆ เช่น รอบริมฝีปาก โดยจะเห็นเป็นจุดเล็กๆ สีดำ
11. สิวซีสต์:สิวซีสต์ที่บริวณปากสิวประเภทนี้เกิดจากการอักเสบของรูขุมขนใต้ผิวหนัง ลักษณะเป็นก้อนหนา เจ็บ และอาจมีหนอง ส่วนใหญ่ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์

แชร์ วิธีการรักษาสิวรอบปาก

สิวรอบปากมักเกิดจากฮอร์โมน การอุดตันของรูขุมขน และพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การรักษาให้หายขาดต้องดูแลทั้งจากภายในและภายนอก ดังนี้

รักษาสิวให้ตรงจุดด้วยยา

• ยาทาสิว ช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการอักเสบ เช่น อนุพันธ์วิตามินเอ (Retinoids) ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตัน, เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการเกิดสิวอักเสบ หรือยาปฏิชีวนะเช่น Clindamycin, Erythromycin เพื่อลดการอักเสบของสิว
• ยารับประทาน สำหรับสิวที่เป็นเรื้อรังหรือรุนแรง เช่น ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน Doxycycline, Minocycline ลดเชื้อแบคทีเรียและการอักเสบ, ยาคุมกำเนิด สำหรับผู้หญิงที่สิวเกิดจากฮอร์โมนไม่สมดุล หรือไอโซเตรติโนอิน (Isotretinoin) ใช้สำหรับสิวรุนแรงที่รักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล

การรักษาด้วยหัตถการทางการแพทย์

• กดสิว โดยใช้เครื่องมือที่สะอาดและทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อนำหัวสิวออก ลดการอุดตัน
• ฉีดสิว เป็นการฉีดยาสเตียรอยด์เพื่อลดการอักเสบของสิวเม็ดใหญ่ที่ปวดบวมมาก
• เลเซอร์และแสงบำบัด (Phototherapy & Lasers) เช่น เลเซอร์ลดรอยแดง ลดการอักเสบของสิว

สิวขึ้นที่รอบปากอันตรายไหม

การที่สิวขึ้นที่รอบปากไม่ใช่เรื่องที่อันตรายเสมอไป แต่หากปล่อยให้สิวเกิดขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่ดูแลหรือรักษา อาจทำให้เกิดการติดเชื้อหรือการอักเสบรุนแรงได้ โดยเฉพาะในกรณีที่สิวเป็นสิวหัวหนองหรือสิวหัวช้าง ซึ่งสามารถทิ้งรอยแผลเป็นหรือเป็นปัญหาผิวที่ยากต่อการรักษาในอนาคต

วิธีดูแลป้องกันไม่ให้สิวขึ้นรอบปาก

หมอตาลมีวิธีป้องกันมาแนะนำดังนี้ค่ะ

1. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันผิว (Non-Comedogenic) เช่น ลิปสติก ลิปบาล์ม ครีมบำรุง
2. ล้างหน้าให้สะอาดเพียงพอ โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิว
3. ลดการสัมผัสปากบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า หรือการใช้ของใช้ส่วนตัวที่ไม่สะอาด
4. พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด เพื่อควบคุมระดับฮอร์โมนไม่ให้แปรปรวน
5. ลดอาหารกระตุ้นสิว เช่น อาหารไขมันสูง ของหวาน นมวัว

เป็นสิวขึ้นรอบปาก ดูแลผิวบริเวณปากยังไงดี

การปรับพฤติกรรมช่วยลดการเกิดได้ โดยเริ่มจากการรักษาความสะอาดบริเวณปาก ล้างหน้าอย่างสม่ำเสมอและหลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณรอบ ๆ ปากด้วยมือที่ไม่สะอาด นอกจากนี้ ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่อุดตันและหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง การลดความเครียดและการนอนหลับให้เพียงพอช่วยปรับสมดุลฮอร์โมน และการควบคุมอาหารที่มีประโยชน์ก็สามารถช่วยลดสิวที่ปากได้เช่นกัน

เลือกคลินิกรักษาสิวที่ปาก ที่ไหนดี ต้องคำนึงอะไรบ้าง?

ควรพิจารณาเลือกคลินิกอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและคุ้มค่า เลือกคลินิกรักษาสิวไม่เลี้ยงไข้ที่มุ่งเน้นการรักษาให้หายจริงลดความเสี่ยงต่อผลกระทบต่อผิวในระยะยาว โดยมีข้อควรคำนึงดังนี้

1. ความเชี่ยวชาญของแพทย์: เลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาสิว และมีประสบการณ์ในการดูแลปัญหาผิวรอบปากโดยเฉพาะ
2. ความสะอาดและความปลอดภัย: ตรวจสอบความสะอาดของคลินิก รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยในการรักษา เช่น การฆ่าเชื้อและการใช้เครื่องมือที่สะอาด
3. การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย: คลินิกที่ใช้เครื่องมือและนวัตกรรมที่ทันสมัยในการรักษา จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและลดความเสี่ยง
4. รีวิวและคำแนะนำจากผู้ใช้บริการ: เลือกคลินิกที่มีรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการมาก่อน ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อความมั่นใจ
5. การรักษาที่เหมาะสม: คลินิกควรให้คำปรึกษาและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและปัญหาของคุณ

คำถามที่พบบ่อย

1. ต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าสิวรอบปากจะหายเอง?

สิวรอบปากสามารถหายเองได้ภายใน 1-4 สัปดาห์ หากดูแลและรักษาอย่างถูกวิธี แต่ในกรณีที่เป็นสิวเรื้อรัง อาจต้องใช้เวลา 3-6 เดือนขึ้นไป

2. สิวรอบปากเกี่ยวข้องกับระบบภายในร่างกายไหม?

สิวรอบปากสามารถเกี่ยวข้องกับระบบภายในร่างกายได้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ในช่วงประจำเดือนหรือการตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากความเครียดหรือปัญหาภายในระบบย่อยอาหารที่ส่งผลให้เกิดการสะสมสารพิษในร่างกาย ซึ่งอาจแสดงออกทางผิวหนังและทำให้เกิดสิวได้

3. สิวรอบปากเกิดจากลิปสติกได้ไหม?

ได้ค่ะ เพราะลิปสติกที่มี น้ำมัน แว็กซ์ หรือสารก่อการระคายเคือง อาจทำให้รูขุมขนอุดตันและเกิดสิว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-Comedogenic)

4. สิวรอบปากเกี่ยวข้องกับยาสีฟันจริงหรือไม่?

ยาสีฟันที่มี ฟลูออไรด์และซัลเฟต อาจกระตุ้นให้เกิดสิว ควรลองเปลี่ยนมาใช้ยาสีฟันที่อ่อนโยนและไม่มีสารก่อการระคายเคืองแทน

5. บีบสิวรอบปากได้ไหม?

ไม่แนะนำให้บีบสิวรอบปาก เนื่องจากการบีบสิวอาจทำให้สิวเกิดการอักเสบมากขึ้น และเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือทำให้เกิดแผลเป็นได้ โดยเฉพาะในบริเวณรอบปากที่ผิวบางและไวต่อการระคายเคือง

6. สิวกับเริมที่ปาก ต่างกันอย่างไร?

สิวที่ปากเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ส่วนเริมเกิดจากไวรัสและมักมีอาการแสบร้อน ตุ่มน้ำใส และสามารถติดต่อกันได้ ดังนั้นหากมีตุ่มแปลก ๆ รอบปาก ควรสังเกตอาการให้ดีและเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสม

7. อาหารอะไรทำให้สิวขึ้นรอบปาก?

อาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันทรานส์ และผลิตภัณฑ์จากนมอาจทำให้สิวขึ้นรอบปากได้ เพราะสามารถกระตุ้นการผลิตน้ำมันและการอักเสบในผิว นอกจากนี้ อาหารรสเผ็ดและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดสิวได้เช่นกัน (อ่านบทความเพิ่มเติม: เผย 10 อาหารที่ทำให้เกิดสิวขึ้น )

8. สิวขึ้นรอบปากควรพบแพทย์เมื่อไหร่?

หากสิวรอบปาก ไม่ดีขึ้นหลังการรักษาด้วยตัวเองเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์ หรือมีลักษณะเป็นผื่นแดง ตุ่มน้ำ อาจเป็น Perioral Dermatitis จึงควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม

สรุป

สิวขึ้นรอบปาก อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การอุดตันของรูขุมขน ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง การใช้เครื่องสำอาง หรือการสัมผัสสิ่งสกปรกเป็นประจำ วิธีจัดการคือรักษาความสะอาด เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดสิว และปรับพฤติกรรมที่เสี่ยง หากอาการไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อการรักษาที่ตรงจุดและเห็นผลลัพธ์เร็วขึ้น